Tag : ปลูกผมเทคนิค NEAT
“ผมหงอกหลังการปลูกผม” ต้องกังวลไหม?
ต้องกังวลไหมกับภาวะผมหงอกหลังการปลูกผม?

ก่อนจะตอบ เรามาทำความเข้าใจกับการเกิดผมหงอกหลังการปลูกผมกันก่อนค่ะ “ผมหงอก” เกิดจากความผิดปกติในการทำงานของเซลล์เมลาโนไซท์ (Melanocyte) ที่ทำหน้าที่ผลิตเม็ดสีเมลานิน (Melanin) ในเส้นผมและทำให้เส้นผมมีสีเข้มตามธรรมชาติ ซึ่งหากเซลล์นี้ทำงานผิดปกติหรือหยุดการผลิตเม็ดสี เส้นผมที่ขึ้นใหม่ก็จะกลายเป็นผมหงอกนั่นเอง

กระบวนการในการปลูกผม มีบางขั้นตอนที่ทำให้เกิดแผลที่หนังศีรษะเล็กๆหลายจุด เช่น การเจาะย้ายกราฟต์ผม ซึ่งอาจทำให้สร้างความเครียดต่อเซลล์ต่างๆบนหนังศีรษะ รวมถึงเซลล์เมลาโนไซท์ด้วย เมื่อเกิดความเครียดสูงก็อาจหยุดทำงานได้ หลังการปลูกผม บางคนจึงอาจเจอภาวะผมหงอกได้ ไม่ว่าจะเป็นด้านหลังที่เจาะนำกราฟต์ผมออก หรืออาจจะเป็นบริเวณใกล้เคียง


ในการปลูกผมเทคนิค NEAT คุณหมอนินจะเป็นผู้วางแผนและดูแลการเจาะย้ายกราฟต์ผมด้วยตัวเองทุกกระบวนการ ตั้งแต่การตัดสินใจเลือกใช้อุปกรณ์อย่างเหมาะสม โดยอุปกรณ์เจาะย้ายนั้นจะมีขนาดเล็กพิเศษ และสามารถปรับเปลี่ยนขนาดของหัวเจาะให้เหมาะสมกับขนาดกราฟต์ผมที่แตกต่างกันของแต่ละคนได้ นอกจากนี้ยังควบคุมทีมสหวิชาชีพให้ทำหัตถการอย่างประณีต เพื่อให้หนังศีรษะได้รับความกระทบกระเทือนน้อยที่สุด เมื่อคนไม่เครียด เซลล์ต่างๆ ก็ไม่เครียดค่ะ



ผมหงอกหลังการปลูกผมเป็นภาวะชั่วคราว เมื่อชั้นหนังแท้ฟื้นตัว เซลล์ต่างๆ กลับมาทำงานตามปกติ ผมก็จะกลับมามีสีเข้มเหมือนเดิม ทั้งนี้  อาการ ความรุนแรง และลักษณะการเกิดผมหงอกหลังการปลูกผมนั้นจะแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล คาดเดาไม่ได้ บางคนอาจไม่เจอภาวะนี้เลย แต่อาจเกิดขึ้นกับบางคนก็เป็นได้


คุณหมอนินเข้าใจถึงความรู้สึกกังวลที่เกิดจากความไม่รู้ ความคาดหวัง และภาวะต่างๆ ที่ผู้เข้ารับการปลูกผมต้องพบเจอหลังการปลูกผม คุณหมอจึงเป็นผู้ติดตามผลการรักษาด้วยตนเอง หากมีข้อสงสัยหรือกังวลใจใดๆ ก็สามารถปรึกษาคุณหมอได้ด้วยตัวเองในวันนัดได้เลย ทำให้ 1 ปีหลังการปลูกผมเป็นช่วงเวลาที่อุ่นใจ สบายใจ และน่าประทับใจของผู้เข้ารับบริการทุกคนตลอดมา

เมื่อมาถึงตรงนี้ คำตอบของคำถามที่ว่า “ต้องกังวลไหมกับภาวะผมหงอกหลังการปลูกผม” คือ “หากทุกขั้นตอนในการปลูกผมนั้นถูกต้อง และมีการดูแลต่อเนื่องหลังที่ดีการปลูกผม ก็ไม่ต้องกังวลใดๆ” เพราะการปลูกผมนั้นไม่ได้จบภายในวันเดียว แต่ผลลัพธ์นั้นขึ้นอยู่กับการดูแล ติดตามผล ให้คำปรึกษาและแนะนำอย่างถูกต้องกันยาวๆตลอดหลังการปลูกผมด้วย

กล้าพูดได้เลยว่า นอกจากการดูแลเส้นผมด้วยความเข้าใจแล้ว “นามนิน” ยังดูแลไปถึงจิตใจของผู้เข้ารับบริการด้วย เพื่อให้เส้นผมใหม่นั้นเป็นไปตามที่วางแผนไว้ สมบูรณ์และแข็งแรงที่สุดค่ะ




เช็ค 4 อาการหลังปลูกผม
หนึ่งในความกังวลใจหลาย ๆ เรื่องของผู้ที่กำลังเตรียมตัวเข้ารับการปลูกผม หรือแม้แต่ผู้ที่กำลังศึกษาข้อมูลเพื่อตัดสินใจปลูกผมอยู่ก็ตาม ก็คือ อาการ หรือ ผลข้างเคียงเล็ก ๆ น้อย ๆ ต่าง ๆ ที่จะตามมาหลังปลูก หลายคนจึงน่าจะมีคำถามอยู่ในใจคล้าย ๆ กัน ไม่ว่าจะเป็น ...หลังปลูกผมแล้วจะเจ็บมั้ย ...ศีรษะหรือใบหน้าจะบวมหรือเปล่า ...รอยแผลจากการปลูกผมล่ะ ถ้าเห็นชัดจนใคร ๆ ก็ทักจะทำอย่างไร ...แล้วถ้าผมปลูกใหม่หลุดร่วงไป จะเกิดอะไรขึ้น?? สารพัดคำถามที่เกิดขึ้น

แต่ถ้าคุณก้าวเข้ามาเป็นผู้รับบริการของนามนิน คลินิกแล้ว ความกังวลใจเหล่านี้จะบรรเทาลงไปไม่น้อยเลย เพราะคุณหมอจะอธิบายอย่างละเอียด ชัดเจน  เข้าใจง่าย ตรงไปตรงมา ตั้งแต่ก่อนปลูกผมเตรียมตัวอย่างไร ในวันปลูกผมจะมีขั้นตอนอะไรบ้าง และหลังปลูกผมต้องดูแลอย่างไร และมาพบแพทย์กึ่ครั้ง ตลอด 1 ปี เพื่อให้ผู้รับบริการได้ทราบถึงสิ่งจะเกิดขึ้นอย่างชัดเจน พร้อมซึ่งอาการต่างๆ ที่อาจทำให้เกิดความกังวล คุณหมอนินมีเทคนิคที่เกิดจากประสบการณ์การทำงานอย่างละเอียดที่จะช่วยลดโอกาสเกิดอาการเหล่านั้นได้

นามนินได้รวบรวมข้อมูลและรายละเอียด 4 อาการที่อาจเกิดขึ้นได้โดยทั่วไปหลังปลูกผม ไว้ดังนี้

1 รอยแผลด้านหลังท้ายทอย

ต้องทำความเข้าใจก่อนว่า การปลูกผม คือการเจาะย้ายกราฟต์ผมของผู้รับบริการเอง ออกจากบริเวณด้านหลังท้ายทอย และนำมาปลูกใหม่ในบริเวณที่เป็นปัญหา เนื่องจากกราฟต์ผมบริเวณนั้นมีคุณสมบัติที่แข็งแรง ทนทานต่อการหลุดร่วงมากที่สุด 

ดังนั้น การเกิดรอยแผลหลังเจาะย้ายกราฟต์ผมออก จึงถือเป็นเรื่องปกติทั่วไปของการทำหัตถการปลูกผม แต่คุณหมอของนามนิน มีตัวช่วยมากมายที่จะช่วยให้ผู้รับบริการซ่อนรอยแผลเนียนกริบ 


ข้อแรก คุณหมอเลือกนำเข้าอุปกรณ์เจาะย้ายรากผมซึ่งมีหลายขนาดสามารถปรับให้เหมาะกับขนาดกราฟต์ผมของผู้รับบริการแต่ละคนเพื่อให้ได้กราฟต์ผมที่ถอนออกมาสมบูรณ์


ข้อสอง คุณหมอใช้วิธีเจาะย้ายกราฟต์ผมออก โดยไม่ต้องโกนผม ที่สำคัญ ยังพัฒนาเทคนิคแบบขั้นบันได เจาะย้ายกราฟต์ผมออกสลับกันเป็นแถบ ๆ และพยายามกระจายจุดเจาะย้ายไปทั่ว ๆ รอยแผลที่เกิดขึ้นจึงถูกซ่อนไว้ใต้ผมเดิมของผู้รับบริการอยากแนบเนียน

นั่นทำให้ผู้รับบริการสามารถจัดแต่งทรงผมได้เต็มที่ทุกสไตล์ โดยไม่ต้องกังวลคอยปกปิดรอยแผล


2 อาการบวมที่ใบหน้า

ในขั้นตอนการปลูกผม จะมีการฉีดยาชา 2 ครั้ง คือ 
  • ครั้งแรก จะฉีดยาชาเพื่อให้บริเวณท้ายทอยไม่มีความรู้สึก เพื่อเจาะย้ายรากผม ตามจำนวนที่ต้องการปลูก 
  • ครั้งที่สอง จะฉีดยาชาบริเวณที่เราต้องการปลูกผมเพื่อให้ผิวหนังบริเวณที่จะปลูกผม

ซึ่งการฉีดยาชามักเป็นจุดที่ผู้รับบริการวิตกกังวลในเรื่องความเจ็บ โดยการฉีดยาชานั้นจะมีเทคนิคแตกต่างกันไปแล้วแต่แพทย์ผู้ทำหัตถการ 
ที่นามนิน คลินิก คุณหมอนินจะเป็นผู้ฉีดยาชาให้ผู้รับบริการด้วยตนเองโดยคำนวณปริมาณที่เหมาะสมและทำหัตถการอย่างเบามือ จึงทำให้ผู้รับบริการคลายกังวลและไม่รู้สึกเจ็บปวดอย่างที่คิดไว้

ด้วยเทคนิคเฉพาะของคุณหมอนิน จึงทำให้หลังปลูกผมที่นามนิน ไม่ต้องใส่ผ้าคาดหน้าผาก และแทบไม่พบอาการบวมหลังปลูกผม จึงทำให้ผู้รับบริการไม่ต้องวิตกกังวลในการกลับใช้ชีวิต หรือออกไปทำงานหลังปลูกผมได้อย่างปกติ จนคนรอบข้างแทบไม่มีใครสังเกตุความเปลี่ยนแปลง







3 อาการคันที่หนังศีรษะ

เรียกว่าเป็นอาการที่พบได้เป็นปกติ และอาจเกิดจากสาเหตุหลาย ๆ อย่างพร้อมกัน เช่น
  • การปลูกผมทำให้เกิดแผลขนาดเล็ก ๆ บนหนังศีรษะจำนวนมาก จึงไปกระทบและรบกวนเส้นประสาท ทำให้เกิดอาการคันและชา
  • ผิวหนังบริเวณหนังศีรษะกำลังอยู่ในระหว่างกระบวนการซ่อมแซมแผลที่เกิดหลังจากการปลูกผม โดยสะเก็ดเลือดที่แห้งตัวลง อาจไปดึงรั้งผิวหนังโดยรอบให้ตึงขึ้น ทำให้เกิดอาการคัน
  • ผลข้างเคียงจากสารฮิสตามีนในสะเก็ดเลือด ซึ่งเป็นสารที่ก่อให้เกิดอาการระคายเคือง



ทั้งนี้แพทย์แนะนำไม่ให้เกาหรือสัมผัสบริเวณแผล เพราะอาจทำให้กราฟต์ผมปลูกใหม่หลุดติดออกมาได้ อีกทั้งยังเพิ่มความเสี่ยงที่แผลจะติดเชื้อมากขึ้นด้วย ที่นามนิน คลินิก หลังปลูกผมจะมอบชุดผลิตภัณฑ์ดูแลตนเองที่คุณหมอนินคัดสรรมาแล้วง่ายต่อการใช้ในชีวิตประจำวันทั้งเรื่องช่วยทำความสะอาดและลดอาการคัน ผลิตภัณฑ์เหล่านั้นอ่อนโยนต่อเส้นผมและหนังศีรษะอย่างแท้จริง



4 ผมร่วงหลังปลูก 2 สัปดาห์ (Shock Loss)

อาการ Shock Loss หรือการที่ผมปลูกใหม่หลุดร่วงเป็นจำนวนมากพร้อม ๆ กัน เป็นอาการที่เกิดขึ้นเป็นปกติของผู้รับบริการหลังปลูกผม ซึ่งชวนให้ตกใจอยู่ไม่น้อย แต่คุณหมอนินจะอธิบายให้ผู้รับบริการของนามนินเข้าใจตั้งแต่แรก ว่าเป็นการหลุดร่วงของเส้นผมตามระยะและวงจรธรรมชาติ ไม่ถือว่าผิดปกติแต่อย่างใด และผมที่แข็งแรงสมบูรณ์จะงอกขึ้นใหม่เองภายในอีก 6 เดือนข้างหน้า 


ซึ่งในบางเคสก็อาจจะไม่ได้เกิด Shock Loss ในทางกลับกันผมที่ปลูกไว้ตั้งแต่วันแรกกลับยาวต่อไป ก็มีโอกาสเป็นได้เช่นกัน

นอกจากคุณหมอนินจะชวนผู้รับบริการทำความเข้าใจอาการต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้นหลังปลูกผมแล้ว ยังคอยติดตามผลทุกระยะตลอด 1 ปีเต็ม และตอบข้อสงสัย รวมถึงคอยให้คำปรึกษาอย่างใกล้ชิด ผู้รับบริการจึงไม่ต้องคอยเป็นกังวลกับอาการต่าง ๆ และยังรู้จักวิธีถนอมดูแลเส้นผมและหนังศีรษะอย่างถูกต้อง เพื่อผลลัพธ์ผมปลูกใหม่ที่ดีที่สุดนั่นเอง












อาจารย์แพทย์ : บทบาทอันทรงเกียรติ
การเป็นอาจารย์ผู้สอนแพทย์: บทบาทอันทรงเกียรติ

คุณหมอนิน มีโอกาสการแบ่งปันความรู้และประสบการณ์อันล้ำค่าจากการเป็นแพทย์ปลูกผมที่ลงมือด้วยตนเอง 
บทบาทอันทรงเกียรตินี้ เปี่ยมไปด้วยความท้าทาย  ความรับผิดชอบ  และความภาคภูมิใจ  เพื่อหล่อหลอมอนาคตของวงการแพทย์ปลูกผมให้มีมาตรฐานและและจริยธรรมทางการแพทย์ 

โดยอาจารย์หมอนิน พญ.นิล นามทองต้น  ได้รับเชิญเป็น "อาจารย์พิเศษ หลักสูตรปริญญาโทแพทย์"  วิชา Hair Transplantation ในหัวข้อ Tips of success rate และ Graft donors and Transplantation  ,Anti-Aging DPU & Aesthetic DPU  มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิต เมื่อวันเสาร์ที่ 4 พฤษภาคม 2567 

และบรรยายใน วิชา Hair Transplantation หัวข้อ Complications and Managements หรือ ภาวะแทรกซ้อนจากการผ่าตัดปลูกผมและวิธีการรักษา  ในวันเสาร์ที่ 11 พฤษภาคม 2567 











ผมร่วง ผมบาง รักษาอย่างไร ไม่ต้องกินยา
การรับประทานยารักษาอาการผมร่วง ผมบาง เป็นทางออกที่คุณผู้ชายจำนวนมากเลือกใช้เพื่อจัดการกับปัญหาเส้นผม ซึ่งเป็นปัญหากวนใจที่ส่งผลกระทบต่อรูปลักษณ์ บุคลิกภาพ และความมั่นใจในการใช้ชีวิตประจำวัน โดยยาสำหรับรับประทานนั้น มักจะได้ผลสำหรับผู้ที่มีอาการผมร่วง ผมบาง จากสาเหตุของกรรมพันธุ์และฮอร์โมนในร่างกาย 

ก่อนอื่น ต้องทำความเข้าใจก่อนว่า คุณผู้ชายที่สืบต่อกรรมพันธุ์ผมร่วงจากคนในครอบครัว จะมีเอนไซม์ชื่อ 5-alpha reductase บริเวณหนังศีรษะ เอนไซม์ตัวนี้เอง ที่จะเปลี่ยนฮอร์โมนเทสโทสเตอโรน (testosterone) ให้กลายเป็นฮอร์โมนไดไฮโดรเทสโทสเตอโรน (dihydrotestosterone) หรือที่เรียกว่าฮอร์โมน DHT และฮอร์โมน DHT นี้ ก็เป็นตัวการที่ทำให้รูขุมขนบนหนังศีรษะเล็กลง ผมที่งอกออกมาจึงอ่อนแอ มีขนาดเล็ก ลีบแบน ทำให้ขาดหลุดร่วงได้ง่ายกว่าปกติ แม้เจ้าของเส้นผมจะยังอายุน้อยอยู่ก็ตาม ซึ่งการรับประทานยา จะช่วยเข้าไปหยุดยั้งการทำงานของฮอร์โมน DHT เจ้าปัญหา ทำให้เส้นผมหลุดร่วงน้อยลงนั่นเอง

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าการรับประทานยา จะเป็นวิธีได้ผลในการลดอาการหลุดร่วงของเส้นผม กระตุ้นการเกิดใหม่ของเส้นผม และช่วยให้เส้นผมมีขนาดหนาขึ้น จนหลาย ๆ คนสามารถจบการรักษาด้วยการรับประทานยาเพียงวิธีเดียวได้ โดยไม่ต้องเสริมด้วยการรักษารูปแบบอื่น ๆ แต่สำหรับคนไข้อีกหลาย ๆ เคส ยาสำหรับรับประทาน อาจไม่ใช่ทางออกที่ตอบโจทย์การรักษาอย่างตรงจุด เนื่องด้วยเหตุผลต่าง ๆ เหล่านี้

  • เลือกใช้ยาไม่ตรงกับสาเหตุของปัญหาผมร่วง ผมบาง เนื่องจากสาเหตุที่ทำให้ผมร่วงอาจเกิดจากปัจจัยหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นกรรมพันธุ์ ฮอร์โมน โรคภัยไข้เจ็บ การขาดสารอาหาร หรือพฤติกรรมทำร้ายเส้นผมโดยไม่รู้ตัวของเราเอง อย่างเช่นการสูบบุหรี่ การสระผมผิดวิธี หรือการสวมหมวกที่รัดศีรษะแน่นเกินไปอยู่บ่อย ๆ ก็เป็นได้
  • ไม่ได้ใช้ยาอย่างถูกต้องภายใต้คำแนะนำของแพทย์ผู้ชำนาญ
  • วิธีการรักษา หรือขนาดยาที่ใช้ ไม่เหมาะสมกับระยะหรือความรุนแรงของอาการที่เป็น
  • ยาที่เลือกใช้ อาจให้ผลที่แตกต่างกันในบริเวณต่าง ๆ ของหนังศีรษะ เช่นบริเวณด้านหน้า หรือบริเวณกลางศีรษะ
  • การตอบสนองต่อยาของตัวคนไข้เอง ซึ่งแต่ละคนอาจไม่เท่ากัน 
  • ในคนไข้ที่มีอาการผมบางอย่างรุนแรงจนเข้าสู่ภาวะผมล้าน รากผมในชั้นหนังศีรษะอาจจะเสื่อมไปแล้ว จึงไม่สามารถรักษาด้วยการรับประทานยา ซึ่งจะทำงานด้วยการกระตุ้นการเจริญเติบโตที่รากผมโดยตรง
  • สำหรับคนไข้บางคน ยังรู้สึกเป็นกังวลต่อผลข้างเคียงของการใช้ยารับประทานบางชนิด ที่อาจส่งผลสภาพอารมณ์รวมถึงสมรรถภาพทางเพศ

ในกรณีเหล่านี้ แพทย์ผู้ชำนาญสามารถช่วยแนะนำวิธีการรักษาด้วยแนวทางอื่น ๆ โดยไม่ต้องรับประทานยา ซึ่งมีความเป็นไปได้ตั้งแต่การเข้ารับการปลูกผมถาวรโดยไม่ต้องผ่าตัด หรือการเข้ารับบริการ Treatment ตามที่แพทย์แนะนำเพื่อเสริมความแข็งแรง ดกดำ เงางาม ให้กับเส้นผม

NEAT 
เทคนิคปลูกผมถาวรจากนามนิน

ปัจจุบัน เทคนิคการปลูกผมถาวรแบบ FUE (Follicular Unit Extraction) มีความล้ำหน้าแตกต่างจากเทคนิคการปลูกผมถาวรแบบ FUT (Follicular Unit Transplantation) ในอดีต ซึ่งเดิมเป็นการผ่าตัดเพื่อนำชิ้นหนังศีรษะด้านหลังท้ายทอยที่มีกราฟต์ผมแข็งแรง มาปลูกในบริเวณที่เป็นปัญหาผมร่วงและผมบาง แต่เทคนิค FUE ได้เปลี่ยนให้การปลูกผมโดยไม่ต้องผ่าตัดสามารถทำได้จริง โดยใช้วิธีเจาะย้ายเฉพาะกราฟต์ผมจากด้านหลังท้ายทอยทีละกราฟต์ เพื่อนำมาปลูกในบริเวณที่เป็นปัญหาแทน เนื่องจากผมด้านหลังท้ายทอยหรือที่เรียกว่า Safe Zone มีความคงทนแข็งแรงเป็นพิเศษ ไม่หลุดร่วงง่าย และจะยังคงคุณสมบัติเช่นนี้ต่อไปแม้จะย้ายมาปลูกในพื้นที่ใหม่แล้วก็ตาม เทคนิค FUE จึงลดโอกาสการเกิดรอยแผลขนาดใหญ่ที่ทำให้คนไข้ต้องพักฟื้นเป็นเวลานานจนรบกวนการใช้ชีวิตประจำวัน


และแพทย์ของนามนินก็ได้พัฒนาเพิ่มเติมจากเทคนิค FUE จนกลายเป็น “NEAT” เทคนิคปลูกผมขั้นสูงเอกสิทธิ์เฉพาะของนามนิน เทคนิคนี้มีความโดดเด่นอยู่ที่ทักษะ ประสบการณ์ และความชำนาญของแพทย์ ซึ่งลงมือปลูกผมให้กับคนไข้ด้วยตัวเองทุกกราฟต์ ด้วยความละเอียด ประณีต ใส่ใจ ทั้งยังอาศัยมุมมองเชิงศิลป์หลอมรวมกับศาสตร์การแพทย์ เพื่อทำการรักษาอาการผมร่วงและผมบางให้กับคนไข้ ไปพร้อม ๆ กับการช่วยให้คนไข้กลับมามีสัดส่วนใบหน้าที่สมดุลขึ้น จึงเสริมรูปลักษณ์ บุคลิกภาพ และความมั่นใจไปอีกขั้น 


ที่สำคัญแพทย์จะรับฟังปัญหาของคนไข้ และออกแบบการรักษาแบบเฉพาะบุคคล ไม่มีสูตรสำเร็จ ด้วยความเข้าใจว่าคนไข้แต่ละคนมาด้วยลักษณะปัญหา สภาพผม และเงื่อนไขที่แตกต่างกัน ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นการรักษาโดยยึดคนไข้เป็นศูนย์กลางอย่างแท้จริง



ไม่เพียงเท่านั้น แพทย์ยังเลือกใช้อุปกรณ์เจาะย้ายรวมถึงอุปกรณ์ปลูกผมที่ได้คุณภาพ นำเข้าจากต่างประเทศ ช่วยเพิ่มความแม่นยำปลอดภัยตลอดทุกขั้นตอนการปลูกผม และยังเสริมเทคนิคต่าง ๆ ที่จะช่วยให้คนไข้ได้รับความสะดวกสบายมากขึ้น ลดอาการเจ็บ บวม จนแทบไม่ต้องพักฟื้น และได้ผลลัพธ์การรักษาที่น่าพอใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในคนไข้ที่มีอาการผมร่วง ผมบาง อย่างรุนแรง จนเข้าสู่ภาวะผมล้าน ทำให้รากผมฝ่อหรือเสื่อมไปจนไม่สามารถรักษาด้วยการรับประทานหรือทายาต่าง ๆ ได้แล้ว การปลูกผมใหม่คือทางออกเดียวที่จะช่วยคืนความหนาแน่นของเส้นผมอย่างถาวรให้กับคุณผู้ชายได้อีกครั้ง

Premium Hair Booster Treatment 
บูสต์ผมหนาขึ้นด้วยวิธีง่าย ๆ

สำหรับใครที่เพิ่งพบว่าตนเองมีปัญหาผมร่วง ผมบาง แต่ยังมีรูรากผม  นามนินขอแนะนำ “Premium Hair Booster” ซึ่งเป็น Treatment ฉีดบำรุงที่เหมาะสำหรับสภาพหนังศีรษะซึ่งรูขุมขนหรือรากผมบริเวณที่มีปัญหาผมร่วง ผมบาง ต้องยังไม่ฝ่อหรือเสื่อมไป เนื่องจาก Premium Hair Booster จะตรงเข้าฟื้นฟูดูแลรากผม กระตุ้นการทำงานของรากผมทำให้เส้นผมงอกขึ้นมาใหม่ และลดโอกาสการหลุดร่วงของเส้นผม ขณะเดียวกันก็บำรุงให้เส้นผมที่เคยอ่อนแอ มีขนาดเล็ก ลีบ บาง มีความแข็งแรงขึ้น มีขนาดเส้นผมที่หนาและใหญ่ขึ้น จึงส่งผลให้ผมบริเวณนั้นดูหนาแน่นขึ้นได้


วิธีการก็ง่าย ๆ เพียงฉีดบำรุงเข้าที่หนังศีรษะบริเวณที่มีปัญหาผมร่วง ผมบาง โดยไม่ทิ้งรอยแผลเป็น ไม่ต้องพักฟื้น มีความปลอดภัยสูง ปราศจากผลข้างเคียงอื่น ๆ และสามารถเข้ารับบริการอย่างต่อเนื่องได้หลายครั้งภายใต้คำแนะนำของแพทย์ เพื่อผลลัพธ์ผมดูหนาขึ้น ดกดำเงางามขึ้น และกลับมาแข็งแรงสุขภาพดีจากภายใน 



ทั้งนี้ แพทย์ผู้ชำนาญของนามนิน ยังได้เตรียมออกแบบแผนการรักษาด้วย Premium Hair Booster Treatment โดยไม่จำเป็นต้องรับประทานยา จึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่กำลังมองหาแนวทางการรักษาอาการผมร่วง ผมบาง ที่สะดวกสบายและได้ผลดีขึ้นกว่าที่เคย

ฟื้นบำรุงผมคูณสอง
ด้วย NEAT + Premium Hair Booster 

ขณะเดียวกัน สำหรับคนไข้ในบางเคส แพทย์อาจแนะนำให้ใช้ทั้ง 2 วิธีในการรักษาอาการผมร่วง ผมบาง ทั้งการปลูกผมถาวรเทคนิค NEAT ร่วมกับการฉีดบำรุงด้วย Premium Hair Booster Treatment เพื่อเป็นการดูแลผมอย่างต่อเนื่อง โดยวิธีนี้จะเหมาะกับคนไข้ที่มีปัญหาผมบางกินบริเวณกว้าง และการปลูกผมเพียงอย่างเดียวยังไม่สามารถเติมเต็มความหนาแน่นได้ครอบคลุมทั่วทุกพื้นที่ เนื่องจากกราฟต์ผมต้นทุนของคนไข้เองที่จะนำมาปลูกใหม่มีอยู่เพียงจำกัด จึงต้องอาศัยการฉีดบำรุงช่วยเสริม 

ซึ่งที่ผ่านมา คนไข้ที่มีอาการผมร่วง ผมบาง ค่อนข้างรุนแรงเช่นนี้ มักเกิดจากสาเหตุต่าง ๆ อย่างเช่น คนไข้ผ่านการปลูกผมครั้งแรกมาแล้ว แต่เป็นการรักษาที่ไม่ได้ประสิทธิภาพเพียงพอ จึงต้องมาปลูกแก้ไขเป็นครั้งที่ 2 หรือคนไข้ผ่านการปลูกผมครั้งแรกมาแล้ว แต่ไม่ได้ใส่ใจดูแลสุขภาพผมอย่างต่อเนื่อง ทำให้ผมใหม่หลุดร่วง และเกิดภาวะผมล้านต่อในบริเวณข้างเคียง กรณีนี้คนไข้มักจะเหลือกราฟต์ผมต้นทุนไม่เพียงพอที่จะปลูกใหม่เพียงวิธีเดียว



นอกจากนั้น ยังรวมถึงสาเหตุอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็นการที่คนไข้ตัดสินใจมาพบแพทย์เมื่ออายุมากแล้ว ทำให้ปัญหาผมบางกินบริเวณกว้างขึ้น หรือเกิดขึ้นพร้อมกันหลายจุด อีกทั้งกราฟต์ผมต้นทุนก็เริ่มเสื่อมสภาพไปตามวัย หรือในบางเคส แม้คนไข้จะมียังอายุไม่มาก แต่ปล่อยให้ปัญหาผมบางเกิดขึ้นต่อเนื่องหลายปีโดยไม่เริ่มต้นรักษาแต่เนิ่น ๆ ก็มีโอกาสที่พื้นที่ผมบางจะขยายตัวจนเป็นปัญหาใหญ่ได้เช่นกัน


ทั้งนี้ แพทย์จะเป็นผู้วิเคราะห์สภาพปัญหา และออกแบบแนวทางการรักษาที่ดีที่สุดร่วมกันกับคนไข้ ซึ่งแพทย์อาจแนะนำให้ฉีดบำรุงด้วย Premium Hair Booster Treatment ก่อนการปลูกผม หรือหลังการปลูกผม และประเมินความถี่ในการเข้ารับบริการที่เหมาะสม โดยแพทย์จะคอยติดตามผลลัพธ์เพื่อให้คำปรึกษาอย่างใกล้ชิด เพื่อให้การปลูกผมเทคนิค NEAT และการฉีดบำรุงด้วย Premium Hair Booster Treatment เป็นทางเลือกที่วางใจได้ในการรักษาอาการผมร่วง ผมบาง โดยไม่ต้องรับประทานยา สามารถตอบโจทย์ในการคืนความหนาแน่นและความแข็งแรงให้กับเส้นผมได้จริง

คลายข้อสงสัย เลือกปลูกผมแบบไหนได้ผลลัพธ์ตรงใจที่สุด
“การปลูกผม” แตกต่างจากศัลยกรรมอื่นที่สามารถเปลี่ยนไปมาได้ ไม่ถูกใจก็แก้ไขใหม่ แต่การปลูกผมนั้นมีข้อจำกัด คือ ต้องใช้ต้นทุนเส้นผมของตัวเอง และเป็นต้นทุนที่ใช้แล้วหมดไป การตัดสินใจเลือกการปลูกผมจึงเป็นสิ่งที่ยากมาก ยิ่งในปัจจุบันที่มีการโฆษณาเทคนิคการปลูกผมต่างๆ มากมาย ก็ยิ่งทำให้การตัดสินใจยากขึ้นไปอีก
.
ถ้าอยากปลูกผมแล้วได้ “เส้นผมจริงๆ” อย่างที่คาดหวัง ต้องเลือกอย่างไร? ต้องเข้าก่อนใจว่า ในทุกขั้นตอนของ “การปลูกผม” ล้วนมีความสำคัญและมีผลต่อการงอกของเส้นผมใหม่ทั้งสิ้น จึงควรศึกษาข้อมูลให้รอบด้านก่อนการตัดสินใจ ซึ่งจะมีด้านใดบ้างนั้น เราได้รวบรวมมาให้ในบทความนี้ค่ะ
.
ผู้ลงมือทำหัตถการปลูกผม
ตั้งแต่วันแรกที่เข้ารับบริการจนวันสุดท้ายที่เส้นผมใหม่สมบูรณ์ มีปัจจัยสำคัญอย่างหนึ่งที่จะทำให้มั่นใจได้มากที่สุดคือ “แพทย์ผู้ปลูกผม” ที่ต้องทำงานเป็นทีมเดียวกันกับคุณตั้งแต่วันแรก ทั้งเป็นผู้ที่รับฟังปัญหา ประเมินความคาดหวัง รู้ข้อจำกัด สร้างความเข้าใจที่ถูกต้อง ออกแบบการรักษา ลงมือปลูกผมด้วยตัวเอง รวมถึงการดูแลต่อเนื่องหลังการปลูกผม


.
ความเชี่ยวชาญของแพทย์และทีม
ในทุกขั้นตอนของการปลูกผมส่งผลต่อการงอกของเส้นผมใหม่ เริ่มตั้งแต่การย้ายรากผม ด้วยเครื่องมือที่เหมาะสมกับขนาดของกราฟต์ผม เพราะกราฟต์ผมของแต่ละคนมีขนาดไม่เท่ากัน ไม่เหมือนกัน ความชำนาญในการนำกราฟต์ผมออกมาอย่างสมบูรณ์  เพราะนั่นเป็นต้นทุนสำคัญในการปลูกผม



ขั้นตอนการย้ายกราฟต์ผม
จะใช้เวลาประมาณ 3-6 ชั่วโมง โดยคุณหมอนินเป็นผู้วางแผนและดูแลด้วยตัวเองทุกกระบวนการ ตั้งแต่การตัดสินใจเลือกใช้อุปกรณ์เจาะย้ายที่เหมาะสมกับกราฟต์ผมของผู้เข้ารับบริการ และยังเป็นผู้ควบคุมทีมสหวิชาชีพในการทำหัตถการอย่างใกล้ชิดตลอดเวลา หลังจากที่ย้ายกราฟต์ผมออกมาแล้ว ต้องรีบนำไปแช่ในน้ำยารักษาสภาพผมทันทีเพื่อให้กราฟต์ผมอยู่ในสภาพที่ดีที่สุดก่อนการนำไปปลูก ซึ่งหากไม่ควบคุมขั้นตอนนี้ให้ดี กราฟต์ผมอาจจะเสียหายหรือตายก่อนที่จะนำไปปลูก ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ปลูกผมแล้วผมไม่ขึ้น



การปลูกผมโดยแพทย์ทุกกราฟต์
ในการปลูกผมเทคนิค NEAT ของนามนิน แพทย์จะเป็นผู้ปลูกผมด้วยตัวเอง เพื่อให้มั่นใจว่าทุกกราฟต์ผมต้นทุนที่ปลูกลงไปนั้นจะงอกขึ้นใหม่ตามที่วางแผนไว้ ซึ่งในขั้นตอนนี้แพทย์จะต้องใช้ทั้งศาสตร์และศิลป์ จัดวางผมแต่ละเส้นในตำแหน่งที่เหมาะสม ปลูกลงไปในระดับที่ลึกพอดีต่อการงอกใหม่ของรากผม ในระหว่างการปลูกก็ต้องคำนึงถึงความหนาแน่นและทิศทางของผม เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติที่สุดด้วย 


การดูแลติดตามหลังปลูกผม
นอกเหนือไปจากขั้นตอนการปลูกผมในวันที่เข้ารับการบริการแล้ว อีกปัจจัยหนึ่งที่คนมักมองข้ามไปในการตัดสินใจปลูกผมคือ กระบวนการดูแลหลังการปลูกผม ซึ่งผู้เข้ารับบริการควรต้องได้รับคำแนะนำอย่างถูกต้องเหมาะสมจากแพทย์ตลอดระยะเวลา 1 ปี หลังการปลูกผม เพราะมีภาวะต่างๆที่อาจต้องพบเจอ เช่น ภาวะผมร่วงหลังการปลูกผม (Shock Loss) หรือการเข้ารับบริการทรีทเม้นต์ที่เหมาะสมตามระยะเวลา เพื่อให้เส้นผมใหม่นั้นเป็นไปตามที่วางแผนไว้ สมบูรณ์และแข็งแรงที่สุด


ชุดผลิตภัณฑ์ดูแลหลังปลูกผม
ที่นามนิน ทันทีที่การปลูกผมเสร็จเรียบร้อย ผู้เข้ารับบริการจะได้รับชุดผลิตภัณฑ์การดูแลเส้นผมที่คัดสรรมาเป็นพิเศษเพื่อนำกลับไปดูแลตัวเองต่อที่บ้าน สะดวกสบายและมั่นใจได้ 100% เรื่องความปลอดภัย  เพราะคุณหมอนินเป็นผู้เลือกผลิตภัณฑ์แต่ละชิ้นให้ด้วยตัวเอง 


ติดตามการรักษาโดยแพทย์
การนัดติดตามผลหลังการปลูกผม คุณหมอนินจะเป็นผู้ประเมินและติดตามการรักษาด้วยตนเอง หากมีข้อสงสัยหรือกังวลใจใดๆ ก็สามารถปรึกษาคุณหมอได้ด้วยตัวเองในวันนัดได้เลย ทำให้ 1 ปีหลังการปลูกผมเป็นช่วงเวลาที่อุ่นใจ สบายใจ และน่าประทับใจของผู้เข้ารับบริการทุกคนตลอดมา


หากอ่านมาจนถึงบรรทัดนี้แล้วยังลังเล ตัดสินใจไม่ได้ว่าการปลูกผมแบบไหนจะเหมาะสมกับตัวเอง ไม่ว่าจะอยากปลูกผมครั้งเดียวจบหรือปลูกผมแล้วได้เส้นผมจริงๆ การเปิดใจเข้าไปปรึกษาแพทย์เฉพาะทางเป็นการเริ่มต้นที่ดีที่สุด เพราะปัญหาเส้นผมเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อน มีรายละเอียดและขั้นตอนที่ซับซ้อนเกินกว่าที่เราจะเข้าใจและแก้ไขได้ด้วยตัวเอง และสำหรับบางคนที่ยังมีข้อจำกัดเรื่องต้นทุนเส้นผมเข้ามาเป็นเดิมพันอีก “รีบปรึกษาแพทย์” เป็นคำแนะนำที่ตรงไปตรงมาและจริงใจที่สุดจากนามนินค่ะ    

เทคนิคปลูกผม “สร้างกรอบหน้า”
“กรอบหน้า” คือตัวแปรสำคัญต่อ “ความงาม” บนใบหน้าโดยรวม โดยเฉพาะสำหรับคุณผู้หญิง บางคนมีใบหน้าหวาน หรือใบหน้าดุ ก็เนื่องจากลักษะของกรอบหน้า หรือบางคนที่มีกรอบหน้าช่วงแนวไรผมบริเวณหน้าผากค่อนข้างสูงหรือร่นลึกเข้าไป ก็ทำให้ใบหน้าดูไม่สมส่วน ดูสูงวัยกว่าอายุจริง จนอาจถึงขั้นเสียบุคลิกภาพ และบั่นทอนความมั่นใจในการออกไปพบปะผู้คนก็เป็นได้

การทำหัตถการ “ปลูกผม” นั้น หลายครั้งไม่เพียงเพื่อช่วยเติมเต็มความหนาแน่นให้กับผมบนศีรษะ แต่ยังเป็นโอกาสในการ “สร้างกรอบหน้า” ใหม่อีกด้วย โดยเฉพาะที่นามนินคลินิก ซึ่งการปลูกผมมีความหมายทั้งในเชิงศาสตร์และเชิงศิลป์ คุณหมอนิน - แพทย์หญิงนิล นามทองต้น จึงไม่เคยละเลยที่จะใช้ศาสตร์การแพทย์เพื่อรักษาอาการผมร่วงและผมบางด้วยการปลูกผม พร้อมกับใช้มุมมองเชิงศิลปะในการเสริมแต่งความงามอย่างเป็นธรรมชาติให้กับใบหน้าของคนไข้ด้วย

โดยหนึ่งในขั้นตอนสำคัญที่คุณหมอจะต้องใช้ความชำนาญเชิงศิลป์เป็นพิเศษ ก็คือการ “สร้างกรอบหน้า” ใหม่ ด้วยการออกแบบและวาด Hairline หรือแนวผมบริเวณหน้าผาก ซึ่งนอกจากจะช่วยแก้ปัญหาแนวผมร่นลึกแล้ว ยังเป็นการอาศัยหลักสัดส่วนทองคำ หรือ Golden Ratio ออกแบบแนวผมใหม่เพื่อปรับให้รูปหน้าของคนไข้มีความสมส่วน ชวนมอง ในขั้นตอนนี้ คนไข้เองก็จะมีส่วนร่วมในการสะท้อนความต้องการ และออกแบบกรอบหน้าร่วมกับคุณหมอด้วย โดยคุณหมอจะเน้นการออกแบบให้เข้ากับสไตล์หรือบุคลิกของคนไข้แบบเฉพาะบุคคล เพื่อกรอบหน้าใหม่ที่ สวยเป๊ะ แบบไม่มีโป๊ะ เพราะคุณหมอเข้าใจเป็นอย่างดีว่า บุคลิกภาพและความงาม สำคัญกับผู้หญิงขนาดไหน


แต่การสร้างกรอบหน้าใหม่ให้ออกมา เป๊ะ ได้ดังใจ ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ต้องอาศัยทักษะและประสบการณ์ของแพทย์ปลูกผมที่มีความชำนาญอย่างมาก ซึ่งหลังจากเจาะย้ายกราฟต์ผมคุณภาพดีออกจากด้านหลังท้ายทอยแล้ว จะต้องนำกราฟต์ผมเหล่านั้นมาแช่ในน้ำยาคงสภาพผม ก่อนจะนำไปวิเคราะห์โครงสร้างของเส้นผม และตัดแต่งเพื่อให้ได้กราฟต์ผมที่เหมาะสมกับการปลูกในแต่ละจุด


นั่นเป็นเพราะเส้นผมของคนเราในแต่ละจุดบนหนังศีรษะ อาจะมีขนาดเส้นเล็กใหญ่ไม่เท่ากัน มีความหนาบางไม่เท่ากัน และที่สำคัญ มีจำนวนเส้นผมต่อ 1 กราฟต์ผมไม่เท่ากันด้วย ตรงนี้เองที่เป็นหัวใจสำคัญในการปลูกผมสร้างกรอบหน้าไม่ให้โป๊ะ เพราะหากมองข้ามการคัดเลือกกราฟต์ผมที่เหมาะสม แนว Hairline ที่ปลูกใหม่ก็จะออกมาดูไม่เป็นธรรมชาติอย่างแน่นอน

ที่นามนินคลินิก คุณหมอนินจะใส่ใจเป็นพิเศษในการคัดเลือกกราฟต์ผมมาปลูกเพื่อสร้างกรอบหน้าเนียนสวย ซึ่งเป็นขั้นตอนที่พิถีพิถันและละเอียดอ่อน โดยคุณหมอจะแบ่งพื้นที่ปลูกผมออกเป็น 3 โซน ได้แก่

  • แนวไรผมบริเวณด้านนอกสุด ถ้าสังเกตดี ๆ ผมตรงส่วนนี้จะเป็นไรผมเส้นอ่อน ๆ ที่มีความอ่อนนุ่ม เล็ก และบางที่สุด ดังนั้น จึงต้องเลือกกราฟต์ผมเส้นเดี่ยว (หมายถึงมีจำนวนผม 1 เส้นต่อ 1 กราฟต์ผม หรือ Single follicle) และจะต้องมีขนาดเส้นบาง (Fine follicle) เพื่อให้ใกล้เคียงกับไรผมจริง ๆ นั่นเอง
  • ถัดจากแนวไรผมเข้ามา สังเกตว่าผมจะค่อย ๆ มีขนาดเส้นใหญ่ขึ้น คุณหมอจึงเลือกใช้กราฟต์ผมเส้นเดี่ยว (Single follicle) ที่มีขนาดปกติ มาปลูกในบริเวณนี้
  • จากนั้นก็มาถึงผมส่วนที่อยู่ลึกเข้ามามากที่สุด ผมตรงนี้จะมีความหนาแน่น ขนาดเส้นใหญ่และหนากว่าอย่างเห็นได้ชัด คุณหมอจึงเลือกกราฟต์ผมที่มีจำนวนผม 2 – 4 เส้นต่อ 1 กราฟต์ (Multiple follicles) เป็นผมทั่วไปที่มีขนาดเส้นใหญ่และหนา 


จะเห็นว่า เมื่อคัดเลือกกราฟต์ผมด้วยความละเอียดเช่นนี้แล้ว แนวผมบริเวณหน้าผากที่ปลูกใหม่ จะค่อย ๆ ไล่ระดับความหนาบางและความหนาแน่นของเส้นผมอย่างเป็นธรรมชาติ ยิ่งบวกกับทักษะการปลูกผมของคุณหมอ ที่ เป๊ะ ทั้งการวางทิศทางองศาผม การประเมินระยะความลึกในการปักกราฟต์ที่เหมาะสม รวมถึงการกระจายเส้นผมให้หนาแน่นพอดี ไม่แน่นเกินไป และไม่บางเกินไป จึงได้ผลลัพธ์แนวผมใหม่ที่ดูแล้วเนียนตาสุด ๆ จนแทบไม่รู้ว่านี่คือผมปลูกใหม่ กลายเป็นกรอบหน้าที่ช่วยปรับรูปหน้าให้ได้สัดส่วนสมดุล และขับเน้นความงามของผู้หญิงแต่ละคนให้ฉายชัดออกมาได้อย่างแท้จริง

ผสาน 2 ศาสตร์กู้ผมบาง NEAT + Premium Hair Booster
เพราะโลกนี้ไม่ได้มีคำตอบเดียวเสมอไป และจะดีกว่าไหม ถ้าเราสามารถผสาน 2 คำตอบ เพื่อแก้ปัญหาให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นกว่าเดิม

“การปลูกผมถาวร เทคนิค NEAT” คือคำตอบที่ใช่สำหรับหลาย ๆ คนที่กำลังเผชิญปัญหาผมร่วง ผมบาง ซึ่งอาจนำไปสู่ภาวะผมล้าน เนื่องจากเป็นการเติมเต็มความหนาแน่นให้กับบริเวณที่ผมบาง ด้วยการย้ายกราฟต์ผมด้านหลังท้ายทอยของเราเองมาปลูกใหม่ และผมใหม่นี้ หากดูแลเป็นอย่างดี ก็จะอยู่กับเราไปตลอดชีวิต 

แต่ก็มีบางกรณีเช่นกัน ที่การปลูกผมถาวรเพียงอย่างเดียว ไม่สามารถแก้ปัญหาผมบางของคนไข้ได้ 100% เนื่องจากสภาพปัญหาผมของแต่ละคน ที่มาพบแพทย์ด้วยระดับความรุนแรงและปัจจัยแวดล้อมต่าง ๆ ไม่เหมือนกัน ในกรณีนี้ แพทย์หญิงนิล นามทองต้น หรือคุณหมอนิน แห่งนามนินคลินิก จะช่วยวิเคราะห์และอาจให้คำแนะนำในการผสานศาสตร์การรักษาแบบที่ 2 ร่วมด้วย นั่นคือการฉีดบำรุงด้วย “Premium Hair Booster Treatment” คำตอบที่แสนสะดวกสบายสำหรับคนรักผม ซึ่งสามารถเพิ่มความหนา ดกดำ และความแข็งแรงของเส้นผมได้เช่นกัน


ทำความรู้จัก NEAT

NEAT คือเทคนิคปลูกผมขั้นสูง เอกสิทธิ์เฉพาะของนามนิน เป็นการเจาะย้ายกราฟต์ผมจากด้านหลังท้ายทอย ซึ่งเป็นบริเวณที่กราฟต์ผมมีคุณสมบัติความแข็งแรง ทนทาน ไม่หลุดร่วงง่าย นำมาปลูกใหม่ในบริเวณที่ปัญหาผมร่วงและผมบาง โดยแพทย์ผู้ชำนาญและมากประสบการณ์เป็นผู้ลงมือทำหัตถการปลูกผมแบบกราฟต์ต่อกราฟต์ เส้นต่อเส้น มีการเสริมเทคนิคที่พัฒนาโดยแพทย์เพื่อช่วยให้ประสิทธิภาพการรักษาเป็นที่น่าพอใจ เอื้อต่อความสะดวกสบายของคนไข้มากที่สุด 

ทั้งยังเลือกสรรอุปกรณ์ปลูกผมที่มีคุณภาพ นำเข้าจากต่างประเทศ ช่วยให้สามารถปลูกผมได้อย่างแม่นยำ ปลอดภัย ที่สำคัญ NEAT เป็นการรวมทักษะของแพทย์ทั้งในเชิงศาสตร์และศิลป์ หมายถึงว่า แพทย์ใช้ศาสตร์การปลูกผมที่น่าเชื่อถือในการรักษา ขณะเดียวกันก็อาศัยมุมมองเชิงศิลปะผ่านเส้นผม เพื่อเสริมเติมความงามให้กับคนไข้ไปในเวลาเดียวกันด้วย เพราะเข้าใจว่าเส้นผมมีความหมายต่อรูปลักษณ์ บุคลิก และความมั่นใจของคนไข้มากแค่ไหนนั่นเอง


ทำความรู้จัก Premium Hair Booster Treatment

Premium Hair Booster Treatment เป็นทรีตเมนต์ฉีดบำรุงที่สะดวกสบาย เพียงฉีดเข้าที่หนังศีรษะบริเวณที่มีปัญหาผมบาง โดยมีข้อแม้ว่า รูขุมขนหรือรากผมบริเวณนั้นต้องยังไม่ปิด ยังสามารถฟื้นฟูและเติบโตได้ต่อ โดย Premium Hair Booster จะตรงเข้าบำรุงเส้นผมที่เคยลีบ เล็ก บาง ให้มีขนาดที่ใหญ่ขึ้น หนาขึ้น แข็งแรงขึ้น พร้อมทั้งชะลอการหลุดร่วง และกระตุ้นการงอกใหม่ของเส้นผมอีกด้วย

ผลลัพธ์ที่ได้จึงเป็นผมที่ดูหนาขึ้น ดกดำเงางามขึ้น และกลับมาแข็งแรงสุขภาพดีจากภายใน ทั้งยังมีความปลอดภัยสูง ไม่ทิ้งรอยแผล ไม่ต้องพักฟื้น และปราศจากผลข้างเคียงอื่น ๆ สามารถเข้ารับบริการต่อเนื่องได้หลายครั้งตามคำแนะนำของแพทย์



NEAT + Premium Hair Booster เหมาะกับใคร

สำหรับคนไข้หลาย ๆ คน สามารถจบปัญหาผมร่วง ผมบาง ได้ในการปลูกผมเทคนิค NEAT เพียงครั้งเดียว และอีกหลายคนเช่นกัน ที่คุณหมอแนะนำให้ฉีดบำรุง Premium Hair Booster Treatment โดยไม่ต้องเข้ารับการปลูกผม เนื่องจากปัญหาผมบางยังอยู่ในระยะเริ่มแรก 

อย่างไรก็ตาม ยังมีอีกหลายเคสที่คุณหมอวิเคราะห์แล้วว่า การผสาน 2 ศาสตร์ ทั้ง NEAT และ Premium Hair Booster Treatment จะเป็นคำตอบที่ลงตัวที่สุด สำหรับปัญหาของคนไข้

  • เริ่มจากคนไข้ที่มีปัญหาผมบางกินบริเวณกว้าง จนการปลูกผมเพียงอย่างเดียว ไม่สามารถเติมเต็มความหนาแน่นได้อย่างครอบคลุม

  • คนไข้มีจำนวนกราฟต์ผมต้นทุน ซึ่งอยู่บริเวณท้ายทอยด้านหลังศีรษะ เหลืออยู่น้อย ไม่เพียงพอต่อการนำไปปลูกใหม่ในบริเวณที่มีปัญหาผมบางได้อย่างทั่วถึง

  • คนไข้เคยเข้ารับการปลูกผมมาแล้ว แต่ไม่ประสบความสำเร็จ อาจเกิดจากการรักษาที่ไม่ได้ประสิทธิภาพ ทำให้ผมยังคงบางอยู่ (ในกรณีนี้ หมายความว่า กราฟต์ผมต้นทุนของคนไข้ ถูกดึงมาใช้ไปแล้วบางส่วน 1 รอบ ยิ่งทำให้ส่วนที่เหลือมีแนวโน้มที่จะไม่เพียงพอต่อการปลูกแก้ไขครั้งที่ 2)

  • คนไข้ผ่านการปลูกผมครั้งแรกมาแล้ว แต่ละเลยที่จะดูแลสุขภาพผมอย่างต่อเนื่อง ทำให้ผมใหม่หลุดร่วง หรือเกิดภาวะผมล้านต่อในบริเวณข้างเคียง เนื่องจากขาดการบำรุงรักษาอย่างเหมาะสม

  • คนไข้มาพบคุณหมอเมื่ออายุมากแล้ว ทำให้ผมบางรุนแรง หรือบางในหลาย ๆ จุดพร้อมกัน เช่นตรงกลางศีรษะและแนวผมบริเวณหน้าผาก ในกรณีนี้ มักจะพบว่ากราฟต์ผมต้นทุนเองก็จะเริ่มเสื่อมสภาพไปตามวัยด้วยเช่นกัน ทำให้ยิ่งเหลือกราฟต์ผมต้นทุนซึ่งสามารถนำไปปลูกใหม่ได้จริง ๆ น้อยลงไปอีก

  • คนไข้ยังอายุไม่มาก แต่ปล่อยให้เกิดปัญหาผมบางต่อเนื่องนานหลายปี โดยไม่ได้เริ่มต้นรักษาแต่เนิ่น ๆ ก็มีโอกาสนำไปสู่ภาวะผมบางรุนแรง จนไม่สามารถพึ่งพาการปลูกผมได้เพียงวิธีเดียวเช่นกัน



ปรึกษาแพทย์ 
เพื่อออกแบบแนวทางการรักษาสำหรับคุณโดยเฉพาะ

ถ้าคุณกำลังกังวลใจว่า ปัญหาผมบางที่เผชิญอยู่นี้ มีความรุนแรงอยู่ในระดับไหน กราฟต์ผมต้นทุนด้านหลังท้ายทอยที่จะนำไปปลูกใหม่ มีความพร้อมมากน้อยแค่ไหน และเราเป็นคนหนึ่งที่จะต้องรักษาภาวะผมบาง ด้วยการผสาน 2 ศาสตร์ NEAT และ Premium Hair Booster Treatment หรือไม่ ทางที่ดีที่สุด คือการเข้ามาพูดคุยปรึกษากับคุณหมอ เพราะคุณหมอจะช่วยวิเคราะห์ปัญหา สภาพผม และออกแบบแนวทางการรักษาแบบเฉพาะบุคคล เพื่อตอบโจทย์คนไข้แต่ละคนมากที่สุด เนื่องจากทุกคนมาด้วยปัญหา เงื่อนไข และความต้องการที่แตกต่างกัน ซึ่งคุณหมอจะรับฟังเสียงของคนไข้อย่างเต็มที่ และชวนให้วางแผนการรักษาร่วมกันไปจนถึงปลายทาง

ตัวอย่างเช่น คนไข้ท่านหนึ่งซึ่งมีปัญหาผมบางพร้อมกันหลายจุด แต่กราฟต์ผมต้นทุนไม่เพียงพอที่จะปลูกได้ครอบคลุมทุกจุด ก็มีการวางแผนร่วมกันกับคุณหมอ ว่าจะปลูกเน้นไปยังบริเวณที่คนไข้ต้องการ หรือมีความกังวลเป็นพิเศษ เช่นแนวผมบริเวณหน้าผากซึ่งเป็นจุดที่ช่วยสร้างความมั่นใจเวลาออกไปพบปะกับผู้คนภายนอก ส่วนผมบางกลางศีรษะ อาศัยการฉีดบำรุงด้วย Premium Hair Booster Treatment ซึ่งเมื่อเข้ารับบริการอย่างต่อเนื่อง ก็พบว่าผมดูหนาและดกดำขึ้นจริง ทำให้คนไข้ท่านนี้สามารถแก้ปัญหาผมบางได้พร้อมกันทั้ง 2 จุดอย่างที่ต้องการ

ทั้งนี้ การฉีดบำรุงด้วย Premium Hair Booster Treatment มีความปลอดภัยสูง สามารถทำได้ทั้งก่อนการปลูกผม หรือหลังการปลูกผม โดยความถี่ในการเข้ารับบริการนั้น ก็ขึ้นอยู่สภาพปัญหาของแต่ละคนเช่นกัน เช่น หลังปลูกผมแล้ว อาจฉีดบำรุงด้วย Premium Hair Booster Treatment ทุก 2 – 4 สัปดาห์ ต่อเนื่องเป็นเวลา 1 ปี เป็นต้น ซึ่งคุณหมอจะคอยติดตามผลลัพธ์อยู่เสมอ เพื่อปรับแนวทางการรักษาให้เหมาะสมมากที่สุดได้ตลอดเวลา


กุญแจสำคัญ คือ ความใส่ใจ

และหัวใจสำคัญที่จะช่วยให้การผสาน 2 ศาสตร์แก้ปัญหาผมบางประสบความสำเร็จ ได้ผลลัพธ์ที่น่าพอใจ ก็คือ ความใส่ใจ จากคุณหมอนิน ที่ดูแลตั้งแต่วันแรกที่คนไข้เข้ามาปรึกษาปัญหา ออกแบบวิธีการรักษาที่ตรงจุดและตอบโจทย์ ลงมือปลูกผมด้วยตัวเองแบบเส้นต่อเส้น ทั้งยังติดตามผลตลอด 1 ปีเต็มอย่างใกล้ชิด คอยให้คำแนะนำและตอบคำถามคาใจของคนไข้อย่างจริงใจ ตั้งแต่วันแรกจนถึงวันสุดท้ายที่เส้นผมใหม่อวดความหนาแน่นและสมบูรณ์แข็งแรงเต็มที่ กลายเป็นมิตรภาพความผูกพันระหว่างคุณหมอกับคนไข้ บนเส้นทางการรักษาและฟื้นฟูดูแลผมตามแบบฉบับของนามนิน ที่รอให้คุณเข้ามาพิสูจน์ด้วยตัวเองแล้ววันนี้


รับมือกับปัญหาผมบางของคุณแม่และภาวะผมร่วงหลังคลอด
เก็บตกกิจกรรมดี ๆ ในงาน Amarin Baby & Kids Fair Play กับเสวนาหัวข้อ “รับมือกับปัญหาผมบางของคุณแม่ และภาวะผมร่วงหลังคลอด”


ผมบางรับมือได้สไตล์คุณผู้หญิง
ทำความเข้าใจปัญหา “ผมบาง” ของผู้หญิงทุกวัย  คุณแม่หลังคลอด และคุณผู้ชาย ทั้งจากสาเหตุทางกรรมพันธุ์ การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน รวมไปถึงพฤติกรรมเสี่ยงทำร้ายผมโดยไม่รู้ตัว
.
รับฟังคำแนะนำเพื่อรับมือกับภาวะผมร่วง ผมบาง สำหรับผู้หญิงวัยทำงาน คุณแม่หลังคลอด ผู้สูงวัย ที่อยากคืนความมั่นใจด้วยผมสวย หนาแน่น สุขภาพดี 


.
พิเศษกับ Q&A Live Session  เคลียร์ทุกคำถามคาใจ สำหรับคนรักเส้นผม โดย พญ.นิล นามทองต้น แพทย์ปลูกผม จาก #นามนินคลินิก อาจารย์พิเศษ หลักสูตรปริญญาโท วิชา Hair Transplantation  สาขาวิชาเวชศาสตร์ความงาม มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์
.
บรรยากาศเป็นไปอย่างสบายๆ เต็มไปด้วยรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ รวมถึงประสบการณ์ตรงในการเลี้ยงลูกของแม่ๆ ที่มาเข้าร่วมฟัง 

รับชม คลิปย้อนหลังได้ที่ 
https://fb.watch/roCcEQPn43/

ผมบางของผู้หญิง รักษาได้ไหม
ไขข้อสงสัย ผมร่วงเยอะ เกิดจากอะไร?
เรื่องของเส้นผมเป็นเรื่องที่หลาย ๆ คนใส่ใจมากเป็นพิเศษ เพราะผมเป็นหนึ่งในองค์ประกอบของใบหน้าที่ช่วยเสริมบุคลิกให้ดูดี จึงจำเป็นอย่างมากที่จะต้องดูแลและบำรุงเส้นผมให้สุขภาพดีอยู่เสมอ 

อย่างไรก็ตามทุกวันจะมีผมหลุดร่วงเองตามธรรมชาติอยู่แล้วเป็นเรื่องปกติ แต่หากผมหลุดร่วงมากเกินไปนั่นก็อาจจะเป็นสัญญาณที่บ่งบอกถึงอะไรบางอย่าง ซึ่งปัญหานี้เกิดขึ้นจากสาเหตุอะไร? มีหนทางในการรักษาอย่างไรบ้าง? นามนินจะพามาไขข้อสงสัยกัน

ผมร่วงเยอะ เกิดขึ้นจากอะไร?
ลักษณะของผมร่วงที่เกิดขึ้นจะมีความรุนแรงที่แตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล ปกติแล้วในแต่ละวันเส้นผมของคนเราจะมีการหลุดร่วงอยู่แล้วประมาณ 50-100 เส้น ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติ เนื่องจากบนศีรษะจะมีเส้นผมอยู่มากถึง 100,000 เส้น โดยจะมีการหลุดร่วงของเส้นผมได้ตามกระบวนการเจริญเติบโตของเส้นผม และหลังจากนั้นก็จะมีผมใหม่งอกขึ้นมาแทนที่ ซึ่งจะเป็นแบบนี้ไปเรื่อย ๆ ตามวงจรชีวิตของเส้นผม

แต่เมื่ออายุมากขึ้น ความหนาแน่นของเส้นผมก็จะน้อยลงตามไปด้วย เนื่องจากวงจรชีวิตของเส้นผมสั้นขึ้น จึงทำให้ผมร่วงถี่มากขึ้น ผมจะค่อย ๆ บางลง และอาจไม่มีการงอกใหม่ขึ้นมาทดแทนอีกต่อไป



นอกจากนี้พันธุกรรมก็ถือเป็นสาเหตุของปัญหาผมร่วงที่พบได้บ่อย หากคนในครอบครัวส่วนใหญ่มีผมบาง ก็จะส่งผ่านทางพันธุกรรมได้ด้วยเช่นกัน และอาจเกิดขึ้นได้จากปัจจัยอื่น ๆ ดังนี้
  • ความเครียด 
  • มลภาวะ
  • การเจ็บป่วย เช่น การติดเชื้อที่หนังศีรษะ, โรคที่ทำให้เกิดแผลบนหนังศีรษะ และโรคไทรอยด์ เป็นต้น
  • การผ่าตัด
  • การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน เช่น  การตั้งครรภ์, การคลอดบุตร หรือการอยู่ในวัยหมดประจำเดือน
  • ผลกระทบจากยาที่ใช้รักษา เช่น ยารักษาโรคมะเร็ง, ภาวะซึมเศร้า หรือโรคความดันโลหิตสูง
  • การลดน้ำหนักเยอะมากในระยะเวลาที่สั้น
  • มีไข้สูง 
  • ขาดสารอาหาร เช่น การขาดธาตุเหล็ก หรือโปรตีน เป็นต้น

แบบไหนถึงเรียกว่า ผมร่วงเยอะผิดปกติ? 
ทุก ๆ วันผมของคนเราจะมีการหลุดร่วงอยู่แล้ว แต่จะร่วงในปริมาณที่น้อยมาก ๆ เมื่อเทียบกับปริมาณเส้นผมที่มีอยู่บนศีรษะ ซึ่งโดยส่วนใหญ่แล้ว ผู้หญิงจะมีผมร่วงเยอะกว่าผู้ชาย โดยผู้หญิงมักจะมีผมร่วงเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 100-150 เส้น ขึ้นอยู่กับสภาพเส้นผมและสุขภาพโดยรวม 

ส่วนผู้ชายจะมีผมร่วงโดยเฉลี่ยในแต่ละวันอยู่ที่ประมาณ 50-60 เส้น หากเยอะกว่านี้ก็พึงสังเกตได้ว่า อาจมีความผิดปกติเกิดขึ้น  ซึ่งแน่นอนว่าการนับจำนวนเส้นผมเป็นเรื่องที่ยาก แต่ก็สามารถสังเกตได้เองเลย เพราะถ้าเกิดปัญหาผมหลุดร่วงเยอะจริง ๆ จะมีผมร่วงอยู่ตามที่ต่าง ๆ เป็นจำนวนมาก ทั้งเวลาที่อาบน้ำ สระผม การนอนบนหมอน การหวีผม หรือตามพื้นบ้านนั่นเอง

ผมร่วงเยอะ สามารถรักษาได้อย่างไร?
ผมร่วงเป็นปัญหาที่สร้างความกังวลใจให้ใครหลาย ๆ คน แต่ก็ยังพอมีแนวทางที่สามารถรักษาได้  ดังนี้
1. การรับประทานวิตามินเสริม
วิธีแรกที่สามารถช่วยรักษาปัญหาผมร่วงได้ คือ การรับประทานวิตามินเสริม เพราะหากร่างกายขาดสารอาหารบางอย่างที่จำเป็นต่อเส้นผม ก็จะส่งผลให้รากผมอ่อนแอ และขาดหลุดร่วงได้ง่าย 

วิตามินบำรุงเส้นผมอย่าง VITAMIN H ของนามนิน จะช่วยบำรุงรากผม ให้ผมที่งอกใหม่ได้รับสารอาหารอย่างเพียงพอ มีเส้นผมที่หนาและแข็งแรงยิ่งขึ้น โดยผสานคุณประโยชน์จากทั้ง
  • สารสกัดจากข้าวกล้องและผลกระบองเพชร ช่วยลดความมันและการอักเสบของหนังศีรษะ 
  • Biotin ช่วยเสริมสร้างให้ผมแข็งแรงมากขึ้น 
  • Zinc Gluconate ช่วยเสริมสร้างการเจริญเติบโตของเส้นผม 
  • Iron Amino Acid Chelate ช่วยลดการหลุดร่วงของเส้นผม และเติมสารอาหารให้เส้นผม 
  • Vitamin B Premix ช่วยบำรุงเส้นผมให้นุ่มสลวยสุขภาพดี 
ซึ่งสารอาหารบำรุงผมทั้งหมดนี้ ก็มีผนวกรวมมาไว้แล้วในอาหารเสริม VITAMIN H  เพราะเส้นผมสวยสุขภาพดี เริ่มต้นได้จากรากผมที่แข็งแรงนั่นเอง


2. การรับประทานยาตามแพทย์สั่ง
อีกหนึ่งวิธีการรักษาปัญหาผมร่วงเยอะ ที่ดูจะช่วยจบปัญหาผมบางได้อย่างตรงจุด คือ การพบแพทย์เพื่อทำการตรวจวิเคราะห์สาเหตุที่แท้จริงของปัญหา และทำการรักษา โดยแพทย์จะมีการจ่ายยาช่วยลดการหลุดร่วงของเส้นผมตามอาการที่เป็น และสาเหตุของปัญหาผมร่วง ซึ่งมีทั้งรูปแบบยากินและยาทา หรืออาจมีการทำหัตถการอื่น ๆ เพิ่มเติม ตามปัญหาเส้นผมที่มี



3. การทำทรีตเมนต์บำรุงเส้นผม
การทำทรีตเมนต์บำรุงเส้นผม ก็เป็นอีกวิธีการที่สามารถช่วยรักษาอาการผมร่วงได้เช่นกัน โดยจะช่วยกระตุ้นให้เกิดการงอกของเส้นผมใหม่ ๆ อีกทั้งยังช่วยบำรุงและรักษาเส้นผมที่มีอยู่ ให้แข็งแรงยิ่งขึ้นด้วย 

หากคุณกำลังมองหาโปรแกรมทำทรีตเมนต์บำรุงเส้นผมอยู่ ที่เห็นผลลัพธ์หลังการทำได้อย่างน่าพึงพอใจ กลับมามีผมหนาขึ้นได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำ ก็อยากแนะนำให้ลองใช้บริการ Premium Hair Booster นวัตกรรมบำรุงรากผม สูตรเฉพาะของนามนิน 

จะช่วยกระตุ้นการทำงานของเซลล์รากผมจากภายใน อีกทั้งยังช่วยให้เซลล์รากผมเกิดการซ่อมแซมตัวเอง และกลับมาทำหน้าที่สร้างเส้นผมใหม่ได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น




4. การฉายแสง
การฉายแสงเป็นวิธีการรักษาผมร่วงด้วยการใช้แสงจาก LED หรือ Light Emitting Diode ในการบำบัดด้วยคลื่นแสง ที่มีความยาวคลื่นเฉพาะ นำมาช่วยกระตุ้นรากผม และยับยั้งการหลุดร่วงของเส้นผม เพื่อแก้ปัญหาและรักษาผมร่วงได้แบบที่ไม่ต้องเจ็บตัว ปลอดภัย และไม่เกิดบาดแผล 





5. การปลูกผม
อีกหนึ่งวิธีจัดการกับปัญหาผมร่วงได้อย่างยั่งยืน นั่นก็คือ การปลูกผม เป็นวิธีที่ได้รับความนิยมมากในปัจจุบันนี้ เนื่องจากสามารถเห็นผลลัพธ์ได้อย่างชัดเจน ที่นามนินเองก็มีโปรแกรมปลูกผมด้วยเทคนิค NEAT ให้บริการ 

ซึ่งเป็นเทคนิคพิเศษจากนามนิน ที่ดูแลในทุก ๆ ขั้นตอนโดยแพทย์ที่มีความชำนาญในการรักษาและประเมินอาการ รวมถึงวางแผนการรักษาให้เหมาะกับปัญหาของแต่ละบุคคล และทำการปลูกผมโดยแพทย์เองทุกกราฟต์ ทำให้ได้แนวผมสวย มีทิศทางตามองศาผมเดิม ดูเป็นธรรมชาติ แถมไม่ต้องพักฟื้นหลังทำเล




สรุป
หากใครกำลังเผชิญกับปัญหาผมบางอยู่ ก็ไม่ต้องกังวลใจไป เพราะนามนินเองก็มีวิธีการหลากหลายรูปแบบที่สามารถรักษาและบรรเทาอาการผมร่วงให้คุณได้อย่างตรงจุด ทั้งนี้หากพบปัญหาผมบาง ก็ไม่ควรนิ่งนอนใจ ควรรีบไปปรึกษาแพทย์ เพื่อประเมินอาการและหาวิธีการรักษาที่เหมาะสมต่อไป ก่อนที่อาการจะดำเนินไปมากขึ้น ซึ่งจะยากต่อการแก้ไข แถมยังมีค่าใช้จ่ายในการรักษาที่สูงกว่าการรักษาตั้งแต่เนิ่น ๆ อีกด้วย

Checklist จุดคุ้มค่าราคาปลูกผม
สำหรับหลาย ๆ คนที่เลือกการปลูกผมเป็นทางออกถาวรให้กับปัญหาผมร่วงผมบาง และกำลังตัดสินใจว่าจะเข้ารับบริการกับคลินิกปลูกผมแห่งไหนดี แน่นอนว่า ปัจจัยสำคัญก็คือ “ราคา” ซึ่งจะสังเกตเห็นได้ว่า ในตลาดปลูกผมของประเทศไทยที่กำลังเป็นที่นิยมอยู่ในตอนนี้ มีการตั้งราคาที่หลากหลายตั้งแต่หลักหมื่นไปจนถึงหลักแสนเลยทีเดียว คำถามคือ ตัวเลขราคาเหล่านั้นสะท้อนถึงประสิทธิภาพในการปลูกผมด้วยหรือไม่ ยิ่งลงทุนจ่ายราคาแพง ยิ่งการันตีความสำเร็จในการปลูกผมจริงหรือ

ในความเป็นจริงแล้ว ตัวเลขราคาที่เห็น อาจไม่ใช่ตัวชี้วัดผลลัพธ์ของการปลูกผมได้ 100% (เพราะมักจะบวกรวมค่าใช้จ่ายด้านการทำการตลาดลงไปด้วย) โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ยังมีอีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญมากกว่า “ราคา” นั่นก็คือ “ความคุ้มค่า” 

ถึงตรงนี้ หลายคนคงสงสัยแล้วว่า ความคุ้มค่าที่ว่านั้น ควรพิจารณาจากปัจจัยอะไรบ้าง นามนินจึงรวบรวม Checklist สำหรับประเมินจุดคุ้มค่าของการปลูกผม เพื่อให้เราสามารถตัดสินใจเลือกปลูกผมด้วยข้อมูลที่ครบถ้วนอย่างรอบคอบ และตามหาจุดที่เรียกได้ว่าคุ้มค่ากับราคาที่จ่าย รวมถึงตอบโจทย์ความพึงพอใจในการรักษาได้มากที่สุด

สำรวจความเห็นจากผู้เข้ารับบริการจริง
เริ่มจากการลองเข้าไปศึกษารีวิวการใช้บริการปลูกผมจากคนไข้ตัวจริงเสียงจริงหลาย ๆ คน ว่าแต่ละคนแชร์ประสบการณ์ในการรักษาไว้อย่างไร ผลลัพธ์ที่ได้ช่วยแก้ปัญหาผมร่วงผมบางได้จริงหรือไม่ หรือลองศึกษาจากข้อมูลที่แพทย์แต่ละคลินิกออกมาให้ความรู้ รวมถึงลองสังเกตสไตล์การอธิบายให้คำปรึกษา ซึ่งแพทย์แต่ละคนก็มีแนวทางที่ต่างกัน เป็นการประเมินความน่าเชื่อถือเบื้องต้น และได้โอกาสมองหาแนวทางการรักษาที่ตรงใจเราที่สุดด้วย



คำถามสำคัญ ปลูกผมโดย “ใคร” ?
ข้อนี้เป็นคำถามที่หลาย ๆ คนอาจมองข้าม แต่ที่จริงแล้ว นี่เป็นคำถามเริ่มต้นที่สำคัญที่สุดข้อหนึ่งเลย เนื่องจากผู้ที่จะลงมือทำหัตถการปลูกผมนั้น นอกจากจะเป็นแพทย์ผู้ชำนาญด้านการปลูกผมโดยตรงแล้ว ยังสามารถเป็นทีมสหวิชาชีพแพทย์ หรืออาจเป็นบุคลากรในสาขาอาชีพอื่น ๆ ขึ้นอยู่กับเทคนิคและแนวทางการรักษาที่คนไข้เลือก ว่าต้องการทักษะฝีมือ ความเชี่ยวชาญ และประสบการณ์ในระดับไหน ถ้าเรารู้คำตอบว่าใครเป็นผู้ลงมือปลูกผมให้เราแล้ว ก็จะช่วยให้พิจารณาความคุ้มค่ากับราคาที่ต้องจ่ายได้ชัดเจนขึ้น



หาโอกาสลองพบคุณหมอตัวจริง
ข้อมูลหรือภาพที่เห็นในโลกอินเทอร์เน็ต จะตรงกับความเป็นจริงมากน้อยแค่ไหน ได้เวลาพิสูจน์ด้วยการก้าวเข้ามาพูดคุยปรึกษากับแพทย์ที่คลินิกปลูกผม ลองดูซิว่า ความประทับใจแรกของเราจะเป็นอย่างไร



แพทย์มีความรู้มากน้อยแค่ไหน และเลือกใช้วิธีถ่ายทอดความรู้เหล่านั้นออกมาอย่างไร 
แพทย์รับฟังปัญหาและความต้องการของเรามากน้อยแค่ไหน ซึ่งจะนำไปสู่การออกแบบแนวทางการรักษาร่วมกัน เพื่อตอบโจทย์คนไข้ได้มากที่สุด
แพทย์วิเคราะห์ปัญหาเส้นผมแบบเฉพาะบุคคลหรือไม่ เพราะคนไข้แต่ละเคสมาด้วยปัญหาที่แตกต่างและไม่ซ้ำกันเลย
แพทย์มีความจริงใจที่จะให้คำแนะนำโดยอยู่บนพื้นฐานของความเป็นจริงหรือไม่ เช่น ในกรณีที่ปัญหาผมค่อนข้างรุนแรงจนไม่อาจปลูกผมคืนความหนาแน่นได้เต็มร้อย แพทย์มีวิธีบอกกับเราและเสนอแนะทางแก้ปัญหาอย่างไร
แพทย์มีเทคนิคในการปลูกผมที่น่าสนใจและช่วยให้เราสะดวกสบายขึ้นอย่างไร
ขั้นตอนการปลูกผมที่แพทย์อธิบายให้ฟัง ดูน่าเชื่อถือแค่ไหน

ทั้งหมดนี้จะช่วยให้เราลดความกังวลในการเข้ารับบริการ และตัดสินใจเลือกคลินิกที่จะปลูกผมได้ง่ายขึ้น

สถานที่และอุปกรณ์ได้มาตรฐาน
อย่าลืมตรวจสอบมาตรฐานความสะอาดของสถานที่ทำหัตถการปลูกผม รวมถึงอุปกรณ์ทางการแพทย์ต่าง ๆ เพื่อหลีกเลี่ยงโอกาสเสี่ยงที่จะติดเชื้อ ที่สำคัญ อุปกรณ์ที่แพทย์เลือกใช้ควรมีความน่าเชื่อถือ ออกแบบด้วยเทคโนโลยีที่ก้าวหน้า ไม่ว่าจะเป็น อุปกรณ์เจาะย้ายรากผม อุปกรณ์ปลูกผม รวมไปถึงเครื่องมือและน้ำยาที่ใช้ในการแช่รักษาสภาพกราฟต์ผมระหว่างรอปลูกใหม่ อีกทั้งเรายังสังเกตความใส่ใจของแพทย์ได้จากการเตรียมอุปกรณ์เจาะย้ายรากผมและอุปกรณ์ปลูกผมที่สามารถปรับการใช้งานให้เข้ากับขนาดกราฟต์ผมที่แตกต่างกันของคนไข้ได้ เพื่อลดโอกาสที่กราฟต์ผมจะถูกทำร้ายให้น้อยที่สุดนั่นเอง



ความช่วยเหลือในการเตรียมตัวก่อนปลูกผม
ความคุ้มค่าของการให้บริการปลูกผม ไม่เพียงวัดกันที่ผลลัพธ์ปลายทาง แต่สามารถบอกได้ตั้งแต่เริ่มต้นเส้นทางการรักษา อย่างเช่นขั้นตอนการเตรียมตัวเข้ารับการปลูกผม ลองนึกภาพดูว่า เป็นใครก็คงจะกังวลไม่น้อยกับการปลูกผมครั้งแรกในชีวิต แต่ถ้าคนไข้เลือกคลินิกและแพทย์ที่สามารถช่วยในการ “เตรียมตัว” ได้เป็นอย่างดี คนไข้ก็จะเข้ารับการรักษาอย่างสบายใจไร้กังวล 

ทั้งนี้ ทางคลินิกสามารถช่วยเราเตรียมตัวได้ในหลาย ๆ ด้าน ตัวอย่างเช่น  การอธิบายขั้นตอนการปลูกผมแบบเข้าใจง่าย จนเห็นภาพได้ชัดเจนว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง รวมถึงการให้คำแนะนำในเรื่องของอาหารและยาที่ควรงดรับประทานก่อนวันปลูก การออกกำลังกายในระดับที่เหมาะสม การนอนหลับให้เพียงพอ ไปจนถึงเสื้อผ้าแบบไหนที่ควรสวมใส่ในวันปลูกผมเพื่อความคล่องตัว


วันปลูกผม ..หนึ่งวันที่จะเปลี่ยนคุณเป็นคนใหม่..
วันปลูกผมถือเป็นวันสำคัญที่ควรศึกษาข้อมูลและเตรียมตัวล่วงหน้า ตั้งแต่ก่อนตัดสินใจเลือกว่าจะปลูกผมที่ไหน เนื่องจากมีปัจจัยหลายอย่างที่จะช่วยให้เราประเมินความคุ้มค่าของการปลูกผมได้อย่างชัดเจนขึ้น ไม่ว่าจะเป็นวิธีการรักษาที่แพทย์เลือกใช้ หรือเทคนิคที่ออกแบบมาด้วยความเข้าใจ pain point ของคนไข้ ซึ่งจะช่วยให้คนไข้กลับไปใช้ชีวิตได้ง่ายขึ้น เช่น เทคนิคซ่อนแผลด้านหลังท้ายทอย ทำให้คนไข้ไม่ต้องคอยปกปิดรอยแผลและจัดแต่งผมทรงต่าง ๆ ได้อิสระทุกสไตล์ 

และยังรวมไปถึงปัจจัยอื่น ๆ ได้แก่ความใส่ใจจากทีมแพทย์และบุคลากร ความสะดวกสบายในการเข้ารับบริการ ผลข้างเคียงจากการรักษา เช่นอาการเจ็บ บวม ช้ำ มีมากน้อยแค่ไหน และคนไข้จะได้รับการดูแลช่วยเหลืออย่างไร ซึ่งทีมแพทย์ที่ดีจะช่วยให้เรารู้สึกอุ่นใจและมั่นใจได้ตลอดกระบวนการรักษา


เส้นทางการรักษา 1 ปีเต็ม
การปลูกผมไม่ได้จบแค่วันทำหัตถการ แต่ยังมีเส้นทางต่อเนื่องหลังจากนั้นอีก 1 ปีเต็ม เนื่องจากผมที่ปลูกใหม่ต้องการระยะเวลาที่จะค่อย ๆ เจริญเติบโตตามวงจรธรรมชาติ ดังนั้นจึงควรเลือกคลินิกปลูกผมที่จะไม่ทิ้งคนไข้ไว้กลางทาง แต่จะคอยดูแลนัดติดตามผล ให้คำแนะนำที่เป็นประโยชน์ในการพักฟื้น การปฏิบัติตัว การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ ตลอดจนแนะนำบริการ Treatment ต่าง ๆ ที่จะลดโอกาสเสี่ยงในการหลุดร่วงของเส้นผม และช่วยให้เส้นผมมีเปอร์เซ็นต์การอยู่รอดสูงขึ้น คลินิกปลูกผมหลาย ๆ แห่ง ยังเปิดให้คนไข้สามารถปรึกษาและซักถามข้อสงสัยได้ตลอดเวลา ซึ่งก็เป็นส่วนหนึ่งของความคุ้มค่าคุ้มราคาทั้งในเชิง “เวลา” และ “ความใส่ใจ” อีกด้วย



ผลลัพธ์ผมใหม่ที่ตรงใจคุณ
ข้อนี้ก็เป็นตัวชี้วัดความคุ้มค่าของการลงทุนปลูกผมได้อย่างชัดเจนเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นผลลัพธ์ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว ซึ่งมีจุดที่ควรคำนึงถึงดังนี้

  • หลังปลูกผมแล้ว สามารถแก้ปัญหาผมบาง เติมเต็มผมให้ดูหนาแน่นขึ้นได้
  • ทิศทางของเส้นผมใหม่ เรียงตัวกลมกลืนไปกับเส้นผมเดิม ไม่ย้อนผิดทิศทาง ดูเป็นธรรมชาติ
  • หากเป็นแนวผมบริเวณหน้าผาก ควรวางตัวเนียน เรียบ เป็นระเบียบ เพิ่มความคมชัดให้กรอบหน้า
  • หากเป็นผมปลูกใหม่บริเวณขวัญกลางศีรษะ ควรเรียงตัววนไปในทิศเดียวเส้นผมเดิมอย่างกลมกลืน
  • ความหนาแน่นของผมปลูกใหม่กำลังดี ไม่บางจนเกินไป และไม่แน่นจนเกินไป ซึ่งอาจส่งผลให้ผมหลุดร่วงได้ง่าย
  • เปอร์เซ็นต์การอยู่รอดของผมปลูกใหม่สูง ไม่หลุดร่วงมากจนผิดปกติ
  • ผลลัพธ์ผมใหม่ได้รับการออกแบบอย่างเหมาะสมกับเพศ วัย และความต้องการของคนไข้อย่างแท้จริง

และนี่ก็คือ Checklist ที่คนรักผมไม่ควรมองข้าม เพื่อประเมินความคุ้มค่าของการปลูกผม ว่าคุ้มกับราคาที่จะต้องจ่ายหรือไม่ ที่สำคัญ การลงทุนปลูกผมไม่ว่าจะในราคาสูงหรือราคาต่ำ ก็ไม่ใช่เรื่องผิดทั้งนั้น ขึ้นอยู่กับว่าการลงทุนนั้นให้ผลลัพธ์ตรงกับสิ่งที่เราต้องการจริง ๆ และเหมาะสมกับเราที่สุดแล้วหรือไม่ 

...เพราะการปลูกผมครั้งนี้ อาจจะเป็นโอกาสครั้งหนึ่งครั้งเดียวในชีวิตของคุณก็เป็นได้...

ปลูกผมเทคนิค NEAT ไม่ต้องลางานพักฟื้น
หากคุณเป็นคนหนึ่งที่กำลังเจอปัญหาผมร่วง ผมบาง หรือผมด้านหน้าเริ่มเว้าสูงเป็น M Shape “นามนิน” ขอเวลาที่มีค่าของคุณแค่เพียง 1 วัน เพื่อแก้ปัญหาทั้งหมดนี้ด้วยการปลูกผมเทคนิค NEAT ค่ะ

NEAT เปลี่ยนภาพจำของการปลูกผมในรูปแบบเดิมๆ ที่หลังการปลูกผมต้องพันผ้า พักฟื้น และยังต้องมีการดูแลตัวเองที่ยุ่งยากไม่ต่างจากการผ่าตัดใหญ่ การปลูกผมจึงเป็นเรื่องที่เข้าถึงได้ยากและดูเป็นการรักษาทางการแพทย์มากกว่าเรื่องความสวยงาม




พัฒนาการของ NEAT เริ่มต้นที่ คุณหมอนินเห็นถึงคุณค่าของการปลูกผมที่มอบให้ได้มากกว่า “เส้นผม” จึงได้ออกแบบและพัฒนาการปลูกผมเทคนิค NEAT ที่เป็นการผสมผสาน “ศาสตร์และศิลป์” เข้าไว้ด้วยกันอย่างสมดุล เพื่อจุดประสงค์หลัก คือ การมอบทั้งความสวยงามและความสะดวกสบายให้ผู้เข้ารับบริการ




เทคนิคแรกคือ การนำเซลล์รากผมบริเวณท้ายทอยออกแบบ “ขั้นบันได” เป็นการใช้เครื่องมือขนาดเล็กเจาะเพื่อนำรากผมออกมาอย่างประณีต ซ่อนแผลอย่างแนบเนียนและกลมกลืนไปกับทรงผมเดิมของผู้เข้ารับบริการ ไม่ต้องโกนผม ไร้แผลเย็บพร้อมซ่อนแผล ด้วยเทคนิคนี้ ผู้เข้ารับบริการจึงสามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันตามปกติได้ทันทีโดยไม่ต้องพักฟื้นเลย




เทคนิคต่อมาที่เป็นหัวใจของ NEAT คือ คุณหมอนินที่ลงมือปลูกผมด้วยตนเองทุกๆ กราฟต์ และเลือกใช้อุปกรณ์การปลูกผมด้วย Implanter ขนาดเล็กเพียง 0.6 มิลลิเมตร แผลหลังการปลูกผมจึงมีขนาดเล็ก มีเลือดออกน้อย อาการบวมช้ำมีน้อยมากหรือแทบไม่มีเลย  รอยปลูกผมเป็นแผลที่ขนาดเล็กละเอียดมากดูไม่น่ากลัว ด้วยเทคนิคปลูกแทรกแซมเข้าไปกับผมจึงทำให้ดูแนบเนียนกับผมเดิมของผู้รับบริการ ผู้เข้ารับบริการไม่ต้องทนกับอาการเจ็บปวด ไม่ต้องพักฟื้นหรือหยุดงาน ตอบสนอง lifestyle ที่ไม่ต้องการพักฟื้นนาน  ไม่เสียบุคลิกภาพแม้จะเป็นช่วงหลังการปลูกผมใหม่ๆก็ตาม ไม่เป็นเป้าสายตา สามารถออกจากบ้านไปทำกิจวัตรประจำวันต่างๆได้ตามปกติ




และสิ่งสำคัญที่นอกเหนือจากเทคนิคก็คือ ประสบการณ์ ความประณีตและความใส่ใจในทุกรายละเอียดของคุณหมอนิน นามทองต้น ที่เป็นผู้ลงมือปลูกผมทุกเส้นด้วยตัวเอง ซึ่งผู้ที่เคยเข้ารับบริการทุกคนคอนเฟิร์มว่า ไม่ว่าจะต้องใช้เวลากี่ชั่วโมง คุณหมอก็จะอยู่กับคุณในทุกขั้นตอนตั้งแต่ต้นจนจบจริงๆ เพื่อให้หนึ่งวันที่ “นามนิน” เป็นวันพิเศษที่ NEAT จะมอบเส้นผมใหม่ ที่จะนำบุคลิกภาพและความมั่นใจกลับมาให้คุณได้อย่างสมบูรณ์แบบที่สุด

เมื่อการปลูกผมไม่ได้เป็นเรื่องที่ยุ่งยากหรือเสียเวลาชีวิตอีกต่อไปแล้ว ก็ไม่ควรปล่อยให้ปัญหาผมร่วงผมบางมาทำลายความมั่นใจอีกเลยค่ะ เปิดใจให้ NEAT ได้เติมเต็ม “เส้นผมใหม่” ที่จะเปลี่ยนคุณให้เป็นคนใหม่ที่ดูดีขึ้นกว่าเดิม พร้อมเปิดโอกาสรับสิ่งดีๆที่จะเข้ามาในชีวิตกันดีกว่าค่ะ

10 ชั่วโมงแห่งความใส่ใจ จากแพทย์ สู่คุณคนใหม่
นี่คือเวลา 10 ชั่วโมง 
...ที่บางคนต้องใช้เวลาศึกษาและตัดสินใจอยู่หลายปี
...ที่บางคนบอกว่าเป็นการลงทุนครั้งสำคัญโอกาสเดียวของชีวิต
...และหลาย ๆ คน เฝ้ารอที่จะได้เปลี่ยนตัวเองเป็นคนใหม่ หลังจาก 10 ชั่วโมงนี้

นั่นทำให้แพทย์หญิงนิล นามทองต้น หรือคุณหมอนิล แห่งคลินิกนามนิน เลือกที่จะทุ่มเทและใส่ใจไปกับ 10 ชั่วโมงในการปลูกผมใหม่ให้กับคนไข้ ซึ่งหากถามว่าทำไมจึงต้องกินเวลายาวนานถึง 10 ชั่วโมงต่อเนื่องกัน คำตอบก็คือ เพราะการปลูกผมเป็นหัตถการที่ซับซ้อนและละเอียดอ่อน ต้องอาศัยศาสตร์การแพทย์ในการรักษา และมุมมองเชิงศิลป์ในการสร้างสรรค์ความงาม ผสานเข้าด้วยกัน อีกทั้งยังเป็นการทำงานกับ เส้นผม ที่มีขนาดเล็กมาก ๆ และหากไม่ระวังก็อาจพลั้งทำร้ายเส้นผมได้โดยง่าย 

การปลูกผมจึงไม่ใช่ภารกิจที่ใครก็ทำได้ ที่นามนิน ผู้ชำนาญตัวจริงเท่านั้นที่จะได้ทำหน้าที่สำคัญนี้ และนี่ก็คือ 10 ชั่วโมงการทำงานของทีมแพทย์ เพื่อลงมือปลูกผมใหม่ และเปลี่ยนเจ้าของเส้นผมเป็น คนใหม่ อย่างที่ใจต้องการ

วางแนวทางการรักษาร่วมกัน
30 – 40 นาที
คุณหมอนิลจะเริ่มต้นด้วยการชวนคนไข้นั่งลงพูดคุยกันถึงปัญหา ความกังวลใจ และความต้องการของคนไข้ เพื่อทำความเข้าใจเจ้าของเส้นผมให้มากที่สุด ก่อนจะวิเคราะห์ปัญหาผม และออกแบบแนวทางการรักษาแบบเฉพาะบุคคล โดยยึดคนไข้เป็นศูนย์กลาง เพราะคนไข้แต่ละคนมาด้วยปัญหาและปัจจัยแวดล้อมที่แตกต่างกัน บางคนเพิ่งเริ่มมีอาการผมบางในระยะเริ่มต้น บางคนมาเมื่อผมบางจนใกล้เข้าสู่ภาวะผมล้านแล้ว บางคนมีกราฟต์ผมต้นทุนบริเวณ Safe Zone ด้านหลังท้ายทอยจำนวนมาก แต่บางคนมีไม่เพียงพอ 


ซึ่งตรงนี้ คุณหมอนิลจะช่วยประเมินพื้นที่ปลูกผมว่ากินบริเวณกว้างแค่ไหน คำนวณกราฟต์ผมต้นทุนที่ต้องใช้ว่ามีเพียงพอหรือไม่ หากไม่พอจะแก้ปัญหาอย่างไร เช่น เฉลี่ยกราฟต์ผมให้ปลูกได้ครอบคลุมโดยไม่ต้องหนาแน่นมาก หรือเลือกปลูกผมเฉพาะจุดที่จำเป็นจริง ๆ รวมไปถึงการทำ Treatment บำรุงอื่น ๆ เสริมควบคู่กัน 

ไม่เพียงเท่านั้น คุณหมอนิลยังวาดแนว Hairline หรือกรอบหน้าบริเวณหน้าผากให้ใหม่ เพื่อช่วยปรับรูปหน้าให้ได้สัดส่วนที่สมดุลตามหลัก Golden Ratio โดยไม่ลืมที่จะสอบถามความต้องการของคนไข้เช่นเคย จึงแน่ใจได้ว่า เส้นทางการรักษาที่วางไว้นั้น เกิดจากการร่วมกันคิดของทั้งสองฝ่าย คือแพทย์และคนไข้ อย่างแท้จริง


เตรียมพื้นที่ศีรษะด้านหลังท้ายทอย
20 – 30 นาที
เนื่องจากจะต้องมีการเจาะย้ายกราฟต์ผมจากบริเวณ Safe Zone ด้านหลังท้ายทอยไปปลูกใหม่ ซึ่งกราฟต์ผมบริเวณนี้ เป็นกราฟต์ผมที่มีคุณสมบัติแข็งแรง ทนทานต่อการหลุดร่วงมากที่สุด คุณหมอนิลจึงได้เวลานำคนไข้เข้าสู่ห้องหัตถการ และเริ่มด้วยการเตรียมพื้นที่ศีรษะด้านหลังท้ายทอยให้พร้อม โดยใช้ทักษะเฉพาะตัวของคุณหมอนิลเอง ลงมือตัดผมให้กับคนไข้ พร้อมกับใช้เทคนิคซ่อนแผลแบบขั้นบันได เพื่อที่ว่าเมื่อปลูกผมเสร็จเรียบร้อย คนไข้จะได้ไม่ต้องคอยกังวลปกปิดรอยแผลด้านหลัง จนไปจำกัดอิสระในการจัดแต่งหรือทำทรงผมต่าง ๆ ซึ่งเทคนิคที่ว่านี้ คุณหมอนิลก็เป็นผู้พัฒนาขึ้น เพื่อให้คนไข้ได้รับความสะดวกสบายมากที่สุดนั่นเอง



เจาะย้ายกราฟต์ผมออก
3 – 6 ชั่วโมง
สำหรับขั้นตอนการเจาะย้ายกราฟต์ผมออกจากด้านหลังท้ายทอย คุณหมอนิลเป็นผู้วางแผนการใช้เครื่องมือต่าง ๆ โดยอุปกรณ์เจาะย้ายกราฟต์ผมนั้น จะมีขนาดเล็กพิเศษ เพื่อให้หลงเหลือรอยแผลน้อยที่สุด ทั้งยังสามารถปรับเปลี่ยนขนาดของหัวเจาะ ให้เหมาะสมกับกราฟต์ผมที่แตกต่างกันของแต่ละคนได้ 

ในขั้นตอนนี้ ผู้ที่ลงมือเจาะย้ายกราฟต์ผมจะเป็นทีมสหวิชาชีพของนามนิน ที่ผ่านการฝึกฝนอย่างเข้มข้นจากคุณหมอนิล อีกทั้งคุณหมอนิลยังเป็นผู้ควบคุมการทำหัตถการในขั้นตอนนี้ด้วยตัวเองอย่างใกล้ชิดตลอดเวลาด้วย


ไม่เพียงเท่านั้น กราฟต์ผมที่เจาะย้ายออกมาแล้ว จะต้องนำไปแช่ในน้ำยารักษาสภาพผมทันที ก่อนจะเข้าสู่ขั้นตอนของการคัดเลือกกราฟต์ และตัดแต่งกราฟต์ เนื่องจากพื้นที่ปลูกผมใหม่แต่ละจุดอาจจำเป็นต้องใช้กราฟต์ผมที่มีขนาดเล็กใหญ่แตกต่างกัน จึงจะดูกลมกลืนเป็นธรรมชาติ เช่นบริเวณ แนวไรผม นั้น ต้องใช้กราฟต์ผมเส้นเล็ก บาง และมีจำนวนเส้นผมต่อกราฟต์เพียงเส้นเดียว ส่วนบริเวณ กลางศีรษะ อาจต้องใช้กราฟต์ผมเส้นหนาใหญ่ และมีจำนวนเส้นผมต่อกราฟต์ 3 - 4 เส้น การคัดเลือกและตัดแต่งกราฟต์ จึงเป็นอีกขั้นตอนหนึ่งที่สะท้อนถึงความละเอียดอ่อนของการปลูกผม ที่คุณหมอนิลให้ความสำคัญไม่แพ้ขั้นตอนไหน ๆ ได้เป็นอย่างดี

หลังจากนี้จะเป็นการพักรับประทานอาหารหรือของว่างเพื่อเติมพลัง และพักให้ร่างกายได้ผ่อนคลายประมาณ 30 – 45 นาที โดยมีขั้นตอนที่เป็นหัวใจหลักของการปลูกผมรออยู่ในช่วงต่อไป

ปลูกผมใหม่ด้วยแพทย์แบบเส้นต่อเส้น
3 – 6 ชั่วโมง
ในที่สุดก็มาถึงขั้นตอนของการปักกราฟต์ผมที่เตรียมเอาไว้อย่างดี ลงบนพื้นที่หนังศีรษะที่มีปัญหาผมร่วง ผมบาง และแน่นอนว่า อาจจะมีกราฟต์ผมที่รอการปักมากเป็นจำนวนนับหลายพันเส้น แต่ทั้งหมดนั้น จะมีคุณหมอนิลเพียงคนเดียว ที่ทำหน้าที่ปักกราฟต์ผมทีละกราฟต์ ด้วยความละเอียด ประณีต พิถีพิถัน โดยคำนึงถึงปัจจัยต่าง ๆ ที่จะส่งผลต่อความอยู่รอดของกราฟต์ผมใหม่ให้มากที่สุด ดังนี้

  • ทิศทางในการเรียงตัวของกราฟต์ผมใหม่ รวมถึงองศาความลาดเอียงในการปัก เพื่อให้ผมใหม่ดูกลมกลืนไปกับเส้นผมเดิม แลดูใกล้เคียงผมธรรมชาติ ที่สำคัญ ไม่ชี้ย้อนผิดทิศผิดทาง ซึ่งโดยปกติแล้ว กว่าจะรู้ว่าผมใหม่เรียงตัวตามทิศทางเดิมหรือไม่ ก็ต้องรอให้ผมยาวขึ้นเมื่อผ่านไปแล้วหลายเดือน ทั้งยังไม่สามารถแก้ไขได้ง่าย ๆ หรืออาจแก้ไขไม่ได้อีกแล้ว เรื่องของทิศทางและองศาจึงเป็นที่ต้องใส่ใจมากเป็นพิเศษ

  • ระยะความลึกในการปักกราฟต์ หากปักกราฟต์ผมตื้นเกินไป อาจจะหลุดร่วงง่าย และส่งผลให้เส้นเลือดต่าง ๆ ที่ทำหน้าที่ในการลำเลียงอาหารมาเลี้ยงเส้นผม ไม่สามารถเชื่อมต่อกันได้อย่างสมบูรณ์ ทำให้เส้นผมอ่อนแอ ไม่แข็งแรง

  • ความหนาแน่นในการปักกราฟต์ แพทย์ผู้ชำนาญจะปักกราฟต์ผมให้ได้ความหนาแน่นกำลังดี ไม่มากหรือน้อยเกินไป เพราะหากน้อยเกินไป ผมของคนไข้อาจจะยังดูบางจนแทบไม่ช่วยแก้ปัญหา หรือถ้าหากแน่นเกินไป ก็เสี่ยงที่กราฟต์ผมจะเบียดกันจนหลุดร่วงได้ง่ายกว่าที่ควร


ที่สำคัญ คุณหมอนินยังเลือกใช้อุปกรณ์ที่ทันสมัย นำเข้าจากต่างประเทศ นั่นคือ Implanter Pen หรือปากกาปลูกผม ที่มีขนาดเล็กพิเศษเพียง 0.6 มิลลิเมตร นับเป็นเทคโนโลยีที่ช่วยให้การปลูกผมสามารถทำได้อย่างแม่นยำ ลดความผิดพลาด ทั้งยังช่วยให้แผลมีขนาดเล็ก เลือดออกน้อย ลดอาการบวมช้ำที่เป็นภาพจำน่ากลัวฝังใจใครหลาย ๆ คน และนั่นก็ทำให้คนไข้ไม่ต้องพักฟื้นนาน สามารถลุกขึ้นมาทำกิจกรรมต่าง ๆ ในชีวิตประจำวันได้เร็วขึ้นด้วย



ทั้งนี้ เวลาที่ใช้ในการปลูกผมจริง ๆ อาจมากหรือน้อยกว่านี้ก็เป็นได้ ขึ้นอยู่กับความซับซ้อนของปัญหา และจำนวนกราฟต์ผมที่ใช้ในการปลูกแต่ละเคส โดยตลอดกระบวนการทั้งหมดนี้ คุณหมอนิลจะเป็นผู้ควบคุมดูแลอย่างใกล้ชิด และคอยอธิบายให้คนไข้เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นในห้องหัตถการ เพื่อคลายความกังวลของคนไข้ 

และเมื่อผ่านพ้น 10 ชั่วโมงแห่งความทุ่มเทใส่ใจนี้ไป ก็ไม่ได้หมายความว่า คุณหมอกับคนไข้มาถึงเส้นชัยแล้ว ทั้งสองฝ่ายยังต้องจับมือกันประคับประคองดูแลเส้นผมที่เพิ่งปลูกไปนั้น ให้อยู่รอด เติบโต แข็งแรง โดยมีคุณหมอนิลเป็นผู้คอยติดตามผลทุกระยะ และให้คำปรึกษาด้วยตัวเองอย่างสม่ำเสมอ รวมถึงแนะนำ Treatment และผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง จนกว่าคนไข้จะได้พิสูจน์ผลลัพธ์ผมใหม่ว่าคุ้มค่ากับที่รอคอยมานาน พร้อม ๆ กับการได้เปลี่ยนตัวเองเป็น คนใหม่ ที่มั่นใจยิ่งขึ้นกว่าเดิม




นับ 1 ถึง 365 ภารกิจ “หลังปลูกผม”
คุณคิดว่า ขั้นตอนสำคัญที่สุดของการปลูกผมคือขั้นตอนไหน? 

เชื่อว่าคำตอบในใจของหลาย ๆ คน คงหนีไม่พ้นวันทำหัตถการปลูกผม ซึ่งคุณหมอเป็นผู้ลงมือปลูกผมให้ด้วยเองแบบกราฟต์ต่อกราฟต์ เพื่อเติมเต็มพื้นที่ที่มีปัญหาผมร่วงและผมบางให้กลับมาดูหนาแน่น แต่ที่จริงแล้ว ...การปลูกผม ไม่ได้จบแค่วันที่คุณหมอปักกราฟต์... เพราะไม่ว่าในวันนั้น คุณหมอจะฝากฝีมือในการปักกราฟต์ผมไว้อย่างดีแค่ไหน ถ้าหลังจากนั้น เส้นผมที่เพิ่งปลูกใหม่ ไม่ได้รับการดูแลทะนุถนอมอย่างใส่ใจเพียงพอ ก็มีโอกาสที่ผมปลูกใหม่จะอ่อนแอลง เสี่ยงต่อการหลุดร่วง และไปไม่ถึงปลายทางผลลัพธ์ผมหนาแน่นสุขภาพดีแบบที่คาดหวังกันไว้

ดังนั้น จึงอาจพูดได้ว่า ขั้นตอนการดูแลอย่างต่อเนื่องหลังการปลูกผม ก็เป็นขั้นตอนที่สำคัญไม่แพ้วันปลูกหรือวันไหน ๆ ที่สำคัญ ขั้นตอนที่กินเวลาแสนยาวนานนี้ ไม่มีทางลัด!! เพราะกว่าผมปลูกใหม่จะเติบโตสมบูรณ์เต็มที่ตามวงจรธรรมชาติ ก็ต้องใช้เวลาถึง 1 ปีเต็มเลยทีเดียว ซึ่งนั่นก็เป็น “ภารกิจหลังปลูกผม” ของทั้งคุณหมอและคนไข้ ที่จะต้องร่วมมือกันบำรุงดูแลผมปลูกใหม่ให้อยู่รอด และเติบโตอย่างแข็งแรง ตั้งแต่วันที่ 1 จนถึงวันที่ 365 เลยนั่นเอง

ทราบหรือไม่ว่า จะเกิดอะไรขึ้น หากเราละเลยขั้นตอนการดูแลหลังปลูก เพียงเพราะคิดว่า ปลูกเสร็จแล้วก็จบกัน ไม่ต้องทำอะไรอีก...

  • ข้อแรกเลย ลองนึกภาพว่า กราฟต์ผมของเราเพิ่งได้รับการย้ายมาปลูกใหม่ เซลล์รากผมยังไม่แข็งแรง และยังไม่ฝังตัวในชั้นหนังศีรษะอย่างมั่นคงดี เส้นเลือดเล็ก ๆ ก็ยังไม่เชื่อมต่อกันจนพร้อมที่จะลำเลียงสารอาหารอย่างเต็มที่ จึงมีโอกาสที่รากผมจะเกิดการอักเสบ อ่อนแอ และหลุดร่วงได้ง่าย หรือที่เรียกกันว่า ปลูกผมไม่ติด ซึ่งอาจเกิดจากการปฏิบัติตัวที่ไม่ถูกต้อง อย่างเช่นการออกกำลังกายหรือทำกิจกรรมหนัก ๆ มากเกินไป การปล่อยให้ศีรษะเกิดการกระทบกระแทก การนอนผิดวิธี หรือแม้กระทั่งการสระผมผิดวิธี จนสุดท้ายอาจทำให้บริเวณที่เพิ่งปลูกผมใหม่นั้น กลับไปมีภาวะผมบางหรือผมล้านเหมือนเดิมก็เป็นได้



  • ข้อต่อมา แม้จะปลูกผมไปแล้ว แต่บางคนอาจจะมีภาวะ “ผมล้านต่อ” หมายถึงการที่ผมเดิมในบริเวณใกล้เคียงกับที่ปลูกใหม่ ยังคงทยอยหลุดร่วง โดยจะพบในคนไข้ที่มีปัญหาผมร่วง ผมบาง จากกรรมพันธุ์ ซึ่งฮอร์โมนที่ชื่อ DHT หรือ Dihydrotestosterone เป็นตัวการออกฤทธิ์ทำให้รูขุมขนมีขนาดเล็กลงผิดปกติ จนเส้นผมที่งอกขึ้นมานั้นมีขนาดเล็ก สั้น บาง และอ่อนแอตามไปด้วย นำไปสู่การหลุดร่วงในที่สุด 

โดยทั่วไป แม้ว่าแพทย์จะช่วยย้ายกราฟต์ผมต้นทุนจาก Safe Zone ด้านหลังท้ายทอย ซึ่งมีคุณสมบัติต้านทานฮอร์โมน DHT ทำให้เส้นผมแข็งแรง ทนทานต่อการหลุดร่วง มาปลูกใหม่ในบริเวณที่เป็นปัญหา แต่อย่าลืมว่า ผมเดิมในบริเวณอื่น ๆ ก็ยังได้รับอิทธิพลจากฮอร์โมน DHT อยู่ และมีโอกาสหลุดร่วงต่อเนื่อง ซึ่งหากมีการดูแลหลังปลูกผมอย่างเหมาะสม ก็จะสามารถชะลอการหลุดร่วงของเส้นผมเดิมในส่วนอื่น ๆ นี้ได้ด้วย



เพราะฉะนั้น 365 วันหลังการปลูกผม จึงเป็นช่วงเวลาสำคัญ ที่แพทย์จะคอยติดตามผลเป็นระยะ ๆ อย่างใกล้ชิด พร้อมทั้งให้คำแนะนำแบบเฉพาะบุคคล ตามลักษณะปัญหาของแต่ละคนที่แตกต่างกันไป ขณะเดียวกันก็เป็นหน้าที่และความร่วมมือของคนไข้เองด้วย ที่จะต้องดูแลบำรุงเส้นผมและหนังศีรษะตามคำแนะนำของแพทย์ เพราะการปลูกผมถือเป็นการลงทุนที่ต้องวัดความคุ้มค่าและความสำเร็จกันยาว ๆ หากคนไข้มีวินัย และใส่ใจดูแลผมอย่างดีเพียงพอ ผมใหม่ก็จะค่อย ๆ อวดความแข็งแรง หนาแน่น สุขภาพดี เมื่อครบระยะเวลา 1 ปีเต็ม ทั้งยังช่วยบำรุงฟื้นฟูผมเดิมให้แข็งแรงขึ้นด้วยไปพร้อม ๆ กัน

และเพราะความเข้าใจในธรรมชาติของวงจรเส้นผม รวมถึงเข้าใจความต้องการของคนไข้ นามนินจึงออกแบบบริการและผลิตภัณฑ์ ที่จะช่วยให้เส้นทางสู่การมีผมหนาแน่นสุขภาพดีเป็นไปอย่างราบรื่นและได้ผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจ 


  • เริ่มต้นง่าย ๆ ด้วยผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดเส้นผมสุดอ่อนโยน อย่าง Mojelim Elixir Shampoo ซึ่งเป็นแชมพูที่ผลิตโดยโรงพยาบาลเฉพาะทางด้านเส้นผมจากเกาหลี ผ่านการทดสอบทางการแพทย์แล้วว่า ไม่มีส่วนผสมที่ก่อให้เกิดการระคายเคืองทางผิวหนัง หรือ Hypoallergenic Agent นี่คือแชมพูเหมาะกับผู้ที่มีผมแห้งและผมมัน เนื่องจากมีคุณสมบัติในการช่วยรักษาสมดุลระหว่างความมันและความชุ่มชื้นบนหนังศีรษะได้เป็นอย่างดี ทำความสะอาดผมพร้อมบำรุงเส้นผมให้นุ่มสลวย และที่สำคัญ ลดโอกาสการหลุดร่วงของเส้นผม ซึ่งคุณหมอแนะนำให้ใช้ควบคู่กันกับ Mojelim Elixir Treatment ครีมนวดที่ช่วยบำรุงอย่างอ่อนโยนไม่แพ้กันนั่นเอง


  •  แล้วมาฟื้นฟูเส้นผมให้แข็งแรงจากภายในกันต่อ ด้วยเซรั่มประสิทธิภาพเยี่ยมอย่าง Elixir Hair Serum by NEAT HAIRNUE ที่จะตรงเข้าบำรุงเส้นผม กระตุ้นการเกิดใหม่ของเส้นผมได้รวดเร็วขึ้น และลดการหลุดร่วงของผมที่ปลูกใหม่และผมเดิมในเวลาเดียวกัน มีจุดเด่นอยู่ที่ส่วนผสมสำคัญจากธรรมชาติ 100% ไม่ว่าจะเป็นสารสกัดจากดอกอัญชัน หญ้าหางม้า เมล็ดข้าวสาลี และธูปฤาษี ซึ่งจะช่วยกันบำรุงเส้นผมให้ดกดำ เงางาม แลดูสุขภาพดี



  • ขณะเดียวกัน วิตามินต่าง ๆ ก็เป็นตัวช่วยหนึ่งที่ส่งผลโดยตรงต่อความแข็งแรงของเส้นผม โดยคุณหมอได้ค้นคว้า คัดสรร และรวบรวมวิตามินตัวสำคัญมาไว้ด้วยกันในแคปซูลเดียว ในชื่อ VITA H นอกจากรับประทานสะดวกแล้ว ยังได้คุณประโยชน์เต็ม ๆ จากสารสกัดธรรมชาติที่เป็นแหล่งของวิตามินหลากชนิด ทั้งสารสกัดจากข้าวกล้องและผลกระบองเพชร ช่วยลดความมัน การเกิดสิว และการอักเสบของหนังศีรษะ ตามมาด้วย D-Biotin ทำหน้าที่เสริมความแข็งแรงให้กับโครงสร้างเส้นผม Zinc Gluconate ช่วยซ่อมแซมเนื้อเยื่อของเส้นผม และเสริมการเติบโตของเส้นผมอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกัน Iron Amino Acid Chelate ยังบำรุงรากผมให้แข็งแรง จึงลดการหลุดร่วงของเส้นผมได้ และสุดท้าย Vitamin B Premix ยังช่วยฟื้นฟูให้เส้นผมกลับมาสุขภาพดีอีกครั้ง


  • ไม่เพียงเท่านั้น นามนินยังขอนำเสนอโปรแกรม Treatment ฉีดบำรุงเส้นผมและหนังศีรษะ ที่เหมาะกับผู้ที่มีอาการผมร่วง ผมบาง นั่นคือ Premium Hair Booster Treatment ซึ่งจะช่วยฟื้นฟูสภาพของเส้นผม กระตุ้นการทำงานของรากผม ทำให้เส้นผมใหม่มีโอกาสงอกได้มากขึ้นและเร็วขึ้น ส่วนเส้นผมเดิมก็จะได้รับการบำรุงจากที่เคยลีบแบนหรือมีขนาดเล็ก ทำให้ผมเส้นหนาและมีขนาดใหญ่ขึ้น เสริมความหนาแน่น พร้อมกับความดกดำ เงางาม สุขภาพดี ไม่หลุดร่วงง่าย สามารถพิสูจน์ผลลัพธ์ได้อย่างชัดเจนตั้งแต่การทำครั้งแรก

ข้อดีของ Premium Hair Booster Treatment ยังรวมถึงความสะดวกสบายที่คนไข้จะได้รับ เพราะเป็นบริการที่ไม่ยุ่งยากเลย ไม่ต้องพักฟื้น ไม่ทิ้งรอยแผลและปราศจากผลข้างเคียงใด ๆ โดยคุณหมอจะคอยดูแลให้เกิดความปลอดภัยมากที่สุด หรืออาจแนะนำให้รับบริการร่วมกับ Treatment โปรแกรมอื่น ๆ เพื่อผลลัพธ์ที่ดีขึ้น



บริการและผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ จากนามนินเหล่านี้ คุณหมอจะเป็นผู้ประเมินและให้คำแนะนำโดยยึดคนไข้เป็นศูนย์กลาง เนื่องจากคนไข้แต่ละคนก็มีปัญหาเส้นผมรุนแรงมากน้อยต่างกัน และมีความต้องการหรือความจำเป็นเฉพาะบุคคลที่ไม่ซ้ำกัน 

และทั้งหมดนี้ก็คือภารกิจ 365 วันหลังปลูกผม ที่คุณหมอกับคนไข้ จะช่วยกันดูแลผมปลูกใหม่ให้เติบโตอย่างเต็มที่ และมีรากผมสมบูรณ์ แข็งแรง ที่จะอยู่คู่กับคนไข้ไปตลอดชีวิต เพียงอย่าลืมให้ความสำคัญกับขั้นตอนการดูแลหลังปลูกผม ที่แม้จะกินเวลานานสักหน่อย แต่รับรองว่าคุ้มค่ากับผลลัพธ์ผมใหม่ ที่จะคืนความหนาแน่น คืนผมสุขภาพดี และคืนความมั่นใจให้คุณได้อย่างแน่นอน 

เปิดเทรนด์ปลูกผม 2024
“การปลูกผมถาวร” นับเป็นศาสตร์แขนงหนึ่งทางการแพทย์ ที่คนเกือบทั่วโลกให้ความเชื่อถือ และตัดสินใจเลือกเป็นทางออกในการแก้ปัญหาผมร่วงผมบางมานานหลายสิบปี ซึ่งในช่วงหลังมานี้ เราจะเห็นความก้าวหน้าของเทรนด์การปลูกผมถาวรอย่างเห็นได้ชัด ไม่ใช่แค่จำนวนผู้เข้ารับบริการปลูกผมที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่องเท่านั้น แต่ยังรวมถึงเทคนิควิธีการปลูกผม ที่ได้รับการพัฒนาให้ทันสมัยและสะดวกสบายต่อคนไข้มากขึ้นด้วย 

ในปี 2024 นี้ นามนินจึงขอชวนมาส่องเทรนด์การปลูกผมถาวรที่อัปเดตมาเพื่อคนรักผมโดยเฉพาะ ...แล้วคุณจะทึ่งว่า วงการปลูกผมไทย ไปไกลขนาดนี้แล้วนะ...

เมื่อ Hairline มีความหมายมากกว่าแค่ “แนวผม”
การปลูกผมเพื่อเติมเต็ม Hairline หรือแนวผมบริเวณหน้าผาก ไม่ได้ช่วยแก้แค่ปัญหาผมร่วง ผมบาง อีกต่อไป แต่แพทย์ผู้ชำนาญยังสามารถออกแบบแนวผมใหม่ที่รับกับสัดส่วนความงามของใบหน้าตามหลัก Golden Ratio เพื่อให้ดูอ่อนเยาว์ขึ้น น่ามองขึ้น จึงช่วยเสริมบุคลิกและสะท้อนตัวตนในแบบที่คนไข้ต้องการได้อีกด้วย



รอยแผลกวนใจ...ซ่อนได้เนียนกริ๊บ
หมดยุคของการเจาะย้ายกราฟต์ผมด้านหลังออกด้วยการผ่าตัด การโกนผม หรือวิธีการเก่า ๆ ที่ทิ้งรอยแผลให้คนไข้ต้องคอยกังวลปกปิดจนเสียบุคลิก เพราะเดี๋ยวนี้มีเทคนิคใหม่ ๆ ที่ไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องโกนผม ทั้งยังช่วยซ่อนแผลแนบเนียนไปกับทรงผมเดิมได้อย่างกลมกลืน 



ปลูกผมใหม่ วางใจแพทย์ผู้ชำนาญเท่านั้น
ปลูกผม ไม่ใช่ว่าใครก็ปลูกกันได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ถ้าจะปลูกให้ได้ผลลัพธ์ที่น่าพอใจ แพทย์ที่ชำนาญด้านการปลูกผม จะใช้ทั้งความรู้ ทักษะ และความละเอียดประณีตในการปักกราฟต์ผมที่ละกราฟต์ด้วยตัวเอง โดยคำนึงถึงขนาดของเส้นผม รวมถึงทิศทางและองศาให้ดูกลมกลืนไปกับผมเดิม เพื่อให้ได้ผมใหม่ที่ใกล้เคียงความเป็นธรรมชาติมากที่สุด



“ปากกาปลูกผม” ตัวช่วยสำคัญของแพทย์
นอกจากทักษะ ประสบการณ์ และความใส่ใจของแพทย์แล้ว ปี 2024 ยังมาพร้อมกับเทคโนโลยีใหม่ นั่นคือ Implanter Pen หรือปากกาปลูกผม ที่ทุกวันนี้มีขนาดเล็กเพียง 0.6 มิลลิเมตร และสามารถเลือกขนาดหัวปากกาให้เข้ากับลักษณะกราฟต์ผมที่แตกต่างกันของคนไข้ได้ จึงช่วยให้แพทย์ปลูกผมได้แม่นยำ ละเอียด แผลเล็ก หายเร็ว ไม่น่ากลัวเหมือนที่เคยได้ยินกันมาอีกต่อไป



ปลูกผมยุคใหม่ แทบไม่ต้องพักฟื้น
และด้วยปัจจัยที่เล่ามา ไม่ว่าจะเป็นความชำนาญของแพทย์ อุปกรณ์ที่ทันสมัย รวมไปถึงเทคนิคต่าง ๆ ที่พัฒนาเพื่อให้คนไข้สะดวกสบายยิ่งกว่าเดิม ทำให้การปลูกผมใน พ.ศ. นี้ แทบไม่ต้องเก็บตัวพักฟื้นนาน ๆ เหมือนในอดีต เพราะแผลขนาดเล็ก หายไว จึงสามารถกลับมาใช้ชีวิตตามปกติได้เร็วขึ้นกว่าที่เคย คืนเวลาชีวิตให้คุณใช้ได้อย่างเต็มที่


แพทย์ติดตามผล 1 ปีเต็ม
เพราะผมปลูกใหม่ต้องการระยะเวลาในการเติบโตอย่างค่อยเป็นค่อยไปตามวงจรธรรมชาติ นั่นจึงเป็นเหตุผลที่แพทย์ผู้ชำนาญจะคอยดูแลติดตามผลอย่างใกล้ชิดต่อเนื่องตลอด 1 ปีเต็ม ซึ่งระหว่างนั้น คนไข้สามารถสอบถามหรือขอคำแนะนำได้ตลอดเวลา เรียกว่าจับมือไปด้วยกันจนสุดทางจนกว่าผมใหม่จะเติบโตอย่างสมบูรณ์เต็มที่ ไม่มีทิ้งไว้กลางทางแน่นอน



“2024” ปีแห่งอิสระและความมั่นใจจากเส้นผม
หากจะตัดสินใจปลูกผมให้คุ้มค่าทั้งที นอกจากผลลัพธ์เส้นผมที่กลับมาหนาแน่น ไม่หลุดร่วงง่ายแล้ว นี่ยังเป็นโอกาสที่คุณจะได้ปลดล็อกตัวเองสู่อิสระในการจัดแต่งทรงผมได้ทุกสไตล์ หรือเลือกทรงที่สะท้อนบุคลิกในแบบที่คุณต้องการมากที่สุด โดยไม่ต้องคอยกังวลเรื่องผมบางอีกต่อไป คืนความมั่นใจให้คุณก้าวออกไปใช้ชีวิตได้อย่างเต็มที่ในทุก ๆ วัน

และหากคุณกำลังมองหาเทคนิคการปลูกผมรับเทรนด์เด่นแห่งปี 2024 นามนินขอนำเสนอเทคนิค NEAT ซึ่งแพทย์ผู้ชำนาญของนามนินพัฒนาต่อยอดจนสามารถตอบโจทย์การแก้ปัญหาผมตามหลักการแพทย์ และเพิ่มความสะดวกสบายให้กับคนไข้ได้มากกว่าที่เคย ...เลือกเทคนิค NEAT ไม่มีตกเทรนด์แน่นอน...

“ปรึกษาแพทย์” สำคัญแค่ไหน?
“ปรึกษาแพทย์” สำคัญแค่ไหน?
ก่อนตัดสินใจปลูกผม
อย่าเพิ่งรีบตัดสินใจปลูกผม 

  • ถ้าเรายังไม่รู้ว่า การปลูกผมคืออะไร มีขั้นตอนอย่างไร ใช้เวลานานแค่ไหน
  • เราจะต้องให้ความร่วมมือในการปฏิบัติตัวอย่างไรบ้าง 
  • เราสามารถคาดหวังผลลัพธ์ผมใหม่ได้มากน้อยแค่ไหน
  • และจะต้องใช้แนวทางการรักษาแบบใดจึงจะเหมาะสม 
  • หรือว่าเรายังหลงเหลือข้อสงสัยคาใจที่ยังไม่ได้คำตอบ

เพราะเราจะแน่ใจได้อย่างไรว่า การปลูกผมใหม่ครั้งนี้ จะเป็น การลงทุนที่คุ้มค่า อย่างแท้จริง หากยังไม่รู้ข้อมูลเบื้องต้นเหล่านี้ดีพอ

นี่จึงเป็นเหตุผลที่นามนินย้ำเสมอว่า ขั้นตอนการพบแพทย์เพื่อพูดคุยปรึกษา ไม่เพียงเป็นขั้นตอนแรกสุด แต่ยังเป็นขั้นตอนที่สำคัญที่สุดไม่แพ้กระบวนการไหน ๆ ก่อนที่เราจะตัดสินใจปลูกผม ซึ่งอาจเป็นเพียงโอกาสที่เกิดขึ้นได้ครั้งเดียวในชีวิต


ทำไมต้อง “ปรึกษาแพทย์” ก่อนตัดสินใจปลูกผม

เพราะการปลูกผม ต้องเริ่มต้นจากความเข้าใจ
การปลูกผมเป็นหัตถการทางการแพทย์ ที่ต้องอาศัยทั้งศาสตร์ความรู้ด้านเส้นผม และมุมมองความงามเชิงศิลป์ มีขั้นตอนต่าง ๆ ที่ต้องอาศัยความละเอียดประณีต มีข้อจำกัดที่คนไข้ควรต้องรับทราบ และมีระยะเวลาในการติดตามผลยาวนานถึง 1 ปี ทั้งหมดนี้ คุณหมอนิน – แพทย์หญิงดิลกณิกนันต์ นามทองต้น จึงเลือกให้ “เวลา” กับขั้นตอนการพูดคุยปรึกษากับคนไข้อย่างเต็มที่ เปลี่ยนทุกชั่วโมงและนาทีให้กลายเป็นเวลาคุณภาพ ในการอธิบายทุกขั้นตอนการรักษาตั้งแต่ต้นจนจบ และตอบคำถามเคลียร์ทุกข้อสงสัย แบบที่ข้อมูลในอินเทอร์เน็ตซึ่งมีอยู่มากมายก็ไม่อาจตอบได้ครบถ้วน จนคนไข้เห็นภาพเส้นทางการรักษาตลอด 1 ปีเต็มได้อย่างชัดเจน


เพราะการปลูกผม เป็นการรักษาแบบเฉพาะบุคคล 
ที่นามนิน เราไม่มีสูตรสำเร็จในการรักษา ตรงกันข้าม คุณหมอนินจะออกแบบการรักษาแบบ Tailor-made หรือ Case-by-case เฉพาะคน โดยยึดคนไข้เป็นศูนย์กลาง ซึ่งจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อคุณหมอได้ใช้เวลาอย่างเต็มที่ระหว่างขั้นตอนการปรึกษา เพื่อทำความเข้าใจปัญหาเส้นผม ความกังวลต่าง ๆ รวมถึงความต้องการของคนไข้ รวมไปถึงข้อจำกัดจากเพศ วัย สภาพผม โดยเฉพาะปริมาณกราฟต์ต้นทุนด้านหลังท้ายทอยที่เหลืออยู่ ซึ่งทั้งหมดนี้ล้วนมีส่วนในการคำนวณกราฟต์ผม และออกแบบแนวทางการรักษาแบบเฉพาะบุคคล เคสใหม่ คิดใหม่ ไม่มีซ้ำ เพื่อตอบโจทย์คนไข้แต่ละคนให้ตรงจุดมากที่สุดนั่นเอง 


เพราะการปลูกผม คือการทำงานร่วมกันระหว่างแพทย์และคนไข้
ต่อให้แพทย์มีความชำนาญแค่ไหน แต่ถ้าคนไข้ไม่ให้ความร่วมมือระหว่างเส้นทางการปลูกผม ผลลัพธ์ก็อาจจะออกมาไม่ตรงกับที่ตั้งใจไว้ ดังนั้น ก่อนตัดสินใจปลูกผม คุณหมอจึงใช้ช่วงเวลาที่สำคัญนี้ในการอธิบายถึงรูปแบบการทำงานร่วมกันระหว่างคุณหมอกับคนไข้ ว่าคุณหมอจะมีบทบาทอย่างไรตลอดระยะการรักษา 1 ปี ตั้งแต่การให้คำปรึกษา ออกแบบแนวทางการรักษา ลงมือปลูกผมด้วยตนเอง ไปจนถึงการติดตามผลและให้คำแนะนำทุก ๆ ระยะ ขณะเดียวกัน คนไข้ก็มีส่วนสำคัญในการปฏิบัติตัวอย่างถูกต้อง เพื่อดูแลทะนุถนอมผมปลูกใหม่ให้อยู่รอด ซึ่งทั้งหมดนี้ คุณหมอไม่สามารถวางแผนคนเดียวได้ แต่จะต้องเป็นการวางแผนร่วมกันของทั้ง 2 ฝ่าย เพื่อให้ได้ผลลัพธ์เส้นผมที่เติบโต แข็งแรง สมบูรณ์



เพราะนี่คือโอกาสทำความรู้จักแพทย์ให้มากขึ้น จากการคุยกันครั้งแรก
คนไข้หลาย ๆ คนบอกตรงกันว่า พวกเขาตัดสินใจเข้ารับการปลูกผมได้ง่ายขึ้น หรือแทบไม่ต้องลังเล หลังจากได้พูดคุยโดยตรงกับคุณหมอนิน เพราะทำให้ได้เห็นถึงแนวคิด อัธยาศัย วิธีการตอบคำถาม วิธีการทำความเข้าใจคนไข้ รวมถึงวิธีการออกแบบการรักษา ซึ่งสะท้อนถึงประสบการณ์ ความชำนาญ และความใส่ใจของคุณหมอได้เป็นอย่างดี อีกทั้งยังได้รับทราบถึงรายละเอียดพิเศษต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการที่คุณหมอลงมือปลูกผมให้เองทุกกราฟต์ การที่คุณหมอเลือกอุปกรณ์นำเข้าจากต่างประเทศ ตลอดจนเทคนิคต่าง ๆ ที่คุณหมอพัฒนาต่อยอดขึ้น เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายยิ่งกว่าให้กับคนไข้ ทั้งหมดนี้ ก็ช่วยเพิ่มความมั่นใจยิ่งขึ้นในการตัดสินใจปลูกผมด้วย


และนี่ก็คือความสำคัญของขั้นตอนการปรึกษาแพทย์ก่อนตัดสินใจปลูกผม ซึ่งที่นามนิน ผู้ที่สนใจสามารถเข้ามาพูดคุยกับคุณหมอได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย รับรองว่า เวลา 1 ชั่วโมงที่ใช้ไปกับคุณหมอ คุ้มค่าพอกับการตัดสินใจปลูกผม ซึ่งต้องใช้ระยะเวลาจนกว่าจะเห็นผลลัพธ์ที่สมบูรณ์ถึง 1 ปีอย่างแน่นอน

ก้าวข้ามความกังวล ปลูกผมเทคนิค NEAT
ด้วยประสบการณ์ปลูกผมปรับรูปลักษณ์ให้กับคนรักผมวัย 50+ มาแล้วมากมาย ทำให้นามนินเข้าใจทุกความกังวลที่คนวัยนี้ต้องเผชิญ ...แล้วคุณล่ะ... เป็นหนึ่งในคนที่ยังลังเลใจ ไม่กล้าลองเปิดใจทำความรู้จัก หรือตัดสินใจปลูกผมเสียที เพราะเหตุผลเหล่านี้เหมือนกันหรือเปล่า

มาดูกันว่า นามนินช่วยให้คนรักผมวัย 50+ ได้ก้าวข้ามผ่านความกังวล และจบปัญหาคาใจเกี่ยวกับการปลูกผมทั้งหมดนี้ได้อย่างไร

“ไม่เคยรู้จักการปลูกผมถาวรเลยว่าเป็นยังไง หรือลองศึกษาข้อมูลจากอินเทอร์เน็ตเองแล้ว แต่ยังไม่ค่อยเข้าใจ เพราะบางทีเขาพูดเป็นเชิงวิชาการ”

ก่อนอื่น ไม่ว่าคุณจะมีพื้นความรู้เรื่องการปลูกผมมากน้อยแค่ไหน ก็สามารถเข้าพูดคุยปรึกษากับคุณหมอนินได้ โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใด ๆ ซึ่งหลายเสียงบอกตรงกันว่า คุณหมอนินอธิบายได้ชัดเจน เป็นเหตุเป็นผล  เข้าใจง่าย ไม่ต้องแปลไทยเป็นไทย ทำให้เห็นภาพว่าเป็นการย้ายกราฟต์ผมจากข้างหลังท้ายทอยมาปลูกใหม่ และจะมีขั้นตอนอย่างไรบ้างตลอดระยะเวลาการปลูก 1 ปีเต็ม 


อีกทั้งคุณหมอนินยังมีความเป็นกันเอง พูดคุยและรับฟังคนไข้ในบรรยากาศสบาย ๆ เชื่อมั้ยว่า หลาย ๆ คนพอใจและตัดสินใจเลือกเป็นคนไข้ปลูกผมของคุณหมอนินตั้งแต่คุยกันวันแรกนี่เลย

“ไม่อยากปลูกผม กลัวต้องผ่าตัดหรือโกนผม / กลัวเจ็บตอนทำ / หลังทำก็กลัวแผลใหญ่ บวม ออกไปเจอใครไม่ได้ ต้องพักฟื้นรักษาตัวอีกนาน”

นามนินเข้าใจว่าหลายคนติดภาพการปลูกผมด้วยวิธีการเดิม ๆ ที่อาจจะดูน่ากลัว ไม่สะดวกสบาย และเสียเวลาหลายสัปดาห์ในการพักฟื้น แต่คุณหมอนินเลือกใช้เทคนิคใหม่ล่าสุดในการปลูกผม ซึ่งนำมาพัฒนาต่อยอดเพิ่มเติมจนกลายเป็นเทคนิคที่ไม่เหมือนใคร ไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องโกนผม เพียงเจาะย้ายกราฟต์ผมจากด้านหลังท้ายทอยมาปลูกใหม่ในบริเวณที่เป็นปัญหา ซึ่งมีโอกาสเจ็บหรือบวมน้อยมาก และคุณหมอยังใช้อุปกรณ์นำเข้าจากต่างประเทศ คือ Implanter หรือปากกาปลูกผมขนาดเล็กพิเศษเพียง 0.6 มิลลิเมตร 



ซึ่งหลังปลูกเสร็จ จะเหลือเพียงรอยแผลที่เล็กลงมากเมื่อเทียบกับเทคนิคในอดีต โอกาสที่จะเลือดออกหรือบวมช้ำก็น้อยมากเช่นกัน ทำให้ไม่ต้องพักฟื้นนาน สามารถลุกออกไปใช้ชีวิตประจำวันหรือพบปะใคร ๆ ตามปกติได้เลย

“ถึงเวลาปลูกผมจริง ๆ กลัวว่าจะเป็นผู้ช่วยปลูกให้ ไม่ใช่คุณหมอ”

สำหรับการปลูกผมเทคนิค NEAT ที่พัฒนาขึ้นโดยคุณหมอนิน สบายใจได้เลยว่า คุณหมอนินเป็นผู้ลงมือปลูกผมให้ด้วยตัวเองทั้งหมด แบบกราฟต์ต่อกราฟต์ ซึ่งต้องใช้ความละเอียด พิถีพิถัน และความชำนาญเฉพาะตัวมาก ๆ ในการปักกราฟต์ผมใหม่ให้ได้ทิศทางและองศากลมกลืนไปกับเส้นผมเดิม เพื่อให้ผมใกล้เคียงความเป็นธรรมชาติ ไม่ชี้ย้อนผิดทิศผิดทาง 


อีกทั้งต้องเลือกขนาดความหนาบางของเส้นผมที่พอเหมาะกับจุดที่จะปลูก ต้องปักกราฟต์ให้ได้ความหนาแน่นกำลังดี ไม่แน่นเกินไปจนเสี่ยงกราฟต์หลุด และไม่น้อยเกินไปจนดูผมบาง รวมถึงต้องควบคุมระยะความลึกในการปักที่เหมาะสมต่อการเติบโตของเส้นผมใหม่ด้วย ...งานละเอียดขนาดนี้ จึงต้องวางใจให้คุณหมอดูแลเท่านั้น...

“ผมบางพร้อมกันหลายจุดเลย ปัญหาหนักขนาดนี้ การปลูกผมจะยังช่วยได้มั้ย”

ผมบางหลายจุด (เช่น ด้านหน้า กลางศีรษะ และบริเวณขวัญ) เรียกได้ว่าเป็นปัญหาสามัญประจำคนสูงวัยเลยก็ว่าได้ เพราะฉะนั้น ไม่ต้องกังวลใจไป ลองเข้ามาปรึกษากับคุณหมอนินดูก่อน ซึ่งคุณหมอจะวิเคราะห์สภาพปัญหา และกราฟต์ผมต้นทุนด้านหลังท้ายทอย ว่ามีเพียงพอที่จะเติมเต็มส่วนที่บางได้ทั้งหมดหรือไม่ โดยคุณหมอนินจะอธิบายกับคนไข้ตามความเป็นจริง หากกราฟต์ผมเหลือน้อย หรือต้องไปรอดูคุณภาพกราฟต์ผมหลังย้ายออกจากด้านหลังแล้วอีกทีหนึ่ง ก็จะแจ้งให้คนไข้ทราบอย่างจริงใจ 



ทั้งนี้ สำหรับคนไข้ในวัย 50+ เราพบทั้งกรณีที่ยังมีกราฟต์ผมต้นทุนด้านหลังเพียงพอแบบหายห่วง และกรณีที่เหลือกราฟต์ผมอยู่น้อย ซึ่งในกรณีหลัง คุณหมอจะช่วยคำนวณและจัดสรรการใช้กราฟต์ผมอย่างเหมาะสม เช่น เลือกเติมผมด้านหน้าที่จะส่งผลต่อบุคลิกและรูปลักษณ์มากที่สุดให้ดูหนาแน่นเต็มที่ ขณะที่บริเวณขวัญอาจจะเติมพอให้ดูไม่บางเกินไป เนื่องจากไม่ใช่จุดสังเกตหลัก วิธีนี้ก็ช่วยให้คนไข้คืนความมั่นใจกลับมาได้เช่นกัน

“ผมบางพร้อมกันหลายจุด แต่อยากปลูกเน้นแค่บางจุดเป็นพิเศษ สามารถบอกคุณหมอได้มั้ย”

ที่นามนิน คุณหมอนินจะรับฟังความต้องการของคนไข้เป็นหลักเสมอ เปิดโอกาสให้คนไข้ได้เล่าถึงความกังวลใจ และเป้าหมายในมาปลูกผม เพื่อออกแบบแนวทางการรักษาร่วมกัน ให้สามารถตอบโจทย์คนไข้ได้ตรงจุด ขณะเดียวกันก็เสริมคำแนะนำถูกต้องตามหลักการแพทย์ด้วย 

ตัวอย่างเช่น คนไข้บางคนอาจจะบอกคุณหมอว่าอยากได้แนว Hairline หรือกรอบหน้าใหม่แบบไหน ซึ่งคุณหมอก็จะช่วยปรับให้แลดูเป็นธรรมชาติเหมาะกับสัดส่วนใบหน้า และคนไข้หลายคนก็ขอคุณหมอให้ปลูกเน้นด้านหน้าเป็นพิเศษ ซึ่งคุณหมอจะช่วยจัดสรรกราฟต์ผมให้ หรือบางรายอาจใช้วิธีปลูกด้านหน้า ควบคู่ไปกับการฉีดสารบำรุง Premium Hair Booster Treatment เพื่อแก้ปัญหาผมบางกลางศีรษะควบคู่กันไป ซึ่งพิสูจน์แล้วว่าได้ผลลัพธ์ที่น่าพอใจไม่แพ้กัน

ที่สำคัญ ยิ่งสูงวัย ปัญหาผมบางอาจยิ่งรุนแรงขึ้น ตรงข้ามกับผมต้นทุนด้านหลังที่เหลือน้อยลงหรือไม่แข็งแรงเหมือนเดิม เพราะฉะนั้น การตัดสินใจปลูกผมให้เร็วที่สุด ก็จะยิ่งเพิ่มโอกาสเติมเต็มผมให้กลับมาหนาแน่นเต็มที่ได้มากกว่า และสำหรับใครที่ยังรู้สึกว่า สูงวัยแล้วจะปลูกผมไปทำไม ปลูกไปให้ใครดู เหล่าคนไข้วัย 50+ ของนามนินเป็นตัวอย่างที่ชัดเจนเลยว่า คนสูงวัยก็ยังต้องมีสังคม หลายคนยังทำงานต่อเนื่อง ยังออกไปพบปะเพื่อนฝูงญาติมิตร หรือทำกิจกรรมต่าง ๆ ตามไลฟ์สไตล์ของตัวเอง ดังนั้น การปลูกผมในวัยนี้ก็ยังถือเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าอย่างไม่ต้องกังวล

ปลูกผมครั้งแรก “เลือก” ให้ดีที่สุด
ก่อนตัดสินใจเลือกการปลูกผม ลองพิจารณาให้ถี่ถ้วนว่าเลือกที่ “คุณภาพ” หรือ “ราคา” เพราะการปลูกผมเป็นศาสตร์ที่ละเอียดอ่อน มีรายละเอียดซับซ้อน หากเลือกที่ราคาเป็นหลักมากกว่าคำนึงถึงคุณภาพ อาจกลายเป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาด สร้างปัญหาใหม่ที่ต้องตามแก้ไขกันอีกยาวค่ะ

ทำไมถึงต้องเน้นย้ำอยู่เสมอว่า การปลูกผมต้องเลือกให้ดีตั้งแต่ครั้งแรก เพราะหากเลือกผิดตั้งแต่แรก การจะปลูกผมใหม่เพื่อแก้ไขนั้นยากกว่ามากค่ะ ด้วยข้อจำกัดหลายอย่าง อย่างแรกคือ ต้นทุนผมที่เหลือบริเวณ Safe Zone นั้นพอหรือไม่ ถ้าเหลือน้อยเกินไป จำเป็นต้องนำผมจากนอก Safe Zone มาปลูก ผมที่ปลูกใหม่ก็จะเผชิญปัญหาผมร่วงบางจากกรรมพันธุ์เช่นเดิม และต้องคอยระมัดระวังในการดูแลต่อเนื่องหลังการปลูกต่อไปอีก ผลลัพธ์การปลูกผมเพื่อแก้ไขก็จะ “ดีกว่าเดิม แต่ยังมีข้อควรระวัง”


อีกข้อจำกัดหนึ่งที่คนทั่วไปอาจจะมองข้ามคือ ทิศทางของผมที่ปลูกในครั้งแรกนั้นเป็นอย่างไร เป็นธรรมชาติ แนบเนียนกับผมเดิมหรือไปกันคนละทิศคนละทางกับผมเดิม ถ้าคำตอบคือ “เส้นผมไม่สามัคคีกัน” นั่นยิ่งกลายเป็นการปลูกผมครั้งแรกนั้นได้สร้างปัญหาใหม่ที่แก้ยากยิ่งกว่าเดิม จะรื้อออกเพื่อปลูกใหม่ก็ทำไม่ได้ แม้แพทย์จะอยากทำมากแค่ไหนก็ตาม ทำได้เพียง แก้ไขให้ดีที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ 



หากตัดสินใจจะปลูกผม สิ่งที่ควรคำนึงถึงเป็นอันดับแรกคือ “คุณภาพ” ทั้งในด้านวิธีการ ขั้นตอนการทำหัตถการ ความชำนาญของแพทย์ เทคนิคและเครื่องมือที่ใช้ และต้องครอบคลุมไปจนถึงการดูแลหลังการปลูกผม การศึกษาข้อมูลอย่างรอบด้านจะช่วยให้การตัดสินใจไม่ผิดพลาด หากไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไร 

วิธีที่ดีที่สุดคือ การเดินเข้าไปปรึกษาปัญหากับแพทย์ผู้ชำนาญเฉพาะทาง โดยเฉพาะที่นามนิน แพทย์จะเป็นผู้ประเมินปัญหาและให้คำปรึกษาตั้งแต่ครั้งแรก ออกแบบการรักษาให้เฉพาะเป็นรายบุคคล และแพทย์เป็นผู้ลงมือปลูกผมทุกเส้นให้ด้วยตัวเอง พร้อมทั้งยังดูแลต่อเนื่องหลังการปลูกผม ดูแลครบทุกมิติตั้งแต่รากผมจนถึงปลายเส้นผม สายส่องรีวิวที่ว่าแน่ก็ยังแพ้การเปิดใจเดินเข้าไปคุยกับหมอนะคะ  


การปลูกผมนั้นใช้ระยะเวลายาวนานเป็นปีจึงจะได้เห็นผลลัพธ์เป็นเส้นผมใหม่ที่สมบูรณ์ และที่สำคัญ เส้นผมนั้นจะอยู่กับคุณและสะท้อนความเป็นตัวตนของคุณไปอีกตลอดชีวิต ในเมื่อเป็นสิทธิ์ของคุณเองในการเลือก ขอให้เลือกให้ดีตั้งแต่ครั้งแรก เพราะในนาทีที่คุณได้สัมผัสเส้นผมใหม่ได้อย่างใจที่รอคอย คุณจะเข้าใจคำว่า “คุ้มค่า” ด้วยความรู้สึกของตัวคุณเอง และหลังจากนั้น นอกจากความคุ้มค่าทางใจแล้ว ยังได้กำไรเป็นความสุขในการใช้ชีวิตแบบยาวๆ และยั่งยืนอีกด้วยค่ะ 
ปลูกผมให้ดี เริ่มที่ “กราฟต์ผม”
กว่าจะถึงปลายทางของการปลูกผม ที่ให้ผลลัพธ์เป็นผมใหม่หนาแน่น เรียงตัวสวย เนียนเป็นธรรมชาติ ทราบหรือไม่ว่า จุดสตาร์ทของเส้นทางสู่ผมใหม่นั้น จะต้องตั้งต้นอยู่บนพื้นฐาน “กราฟต์ผมต้นทุน” ที่ดี ซึ่งแต่ละคนจะมีลักษณะและคุณภาพของกราฟต์ผมไม่เหมือนกัน และนั่นเป็นปัจจัยสำคัญที่จะส่งผลให้การปลูกผมประสบความสำเร็จมากน้อยแตกต่างกันตามไปด้วย 

กราฟต์ผม หรือกอผม คือกลุ่มของรากผมและเส้นผมที่อยู่รวมกันประมาณ 1-4 เส้นในรูขุมขนเดียว และคำว่ากราฟต์ผมต้นทุน ก็หมายถึงกราฟต์ผมเฉพาะบริเวณด้านหลังท้ายทอย หรือ Safe Zone ที่มีคุณสมบัติเหมาะสมสำหรับนำมาปลูกใหม่ในบริเวณที่มีปัญหาได้ โดยในขั้นตอนการปลูกผม จะต้องย้ายกราฟต์ผมจากบริเวณดังกล่าวออกมาเตรียมปลูกใหม่ทีละกราฟต์ โดยเลือกกราฟต์ผมที่มีความสมบูรณ์แข็งแรงมากที่สุด

ในความเป็นจริงแล้ว กราฟต์ผมต้นทุนของเรามีคุณภาพไม่เท่ากัน เนื่องมาจากสาเหตุหลายข้อ ดังนี้

  • กรรมพันธุ์ 
เป็นตัวกำหนดให้บางคนมีผมเส้นหนา หรือเส้นบาง หรือมีความหนาแน่นของผมแตกต่างกัน เช่นบางคนมีผม 1-2 เส้นใน 1 กราฟต์ ขณะที่บางคนมีผม 3-4 เส้นใน 1 กราฟต์ ซึ่งจะทำให้ผมดูหนาแน่นกว่า

  • วัย 
เมื่ออายุมากขึ้น แน่นอนว่าสุขภาพเส้นผมจะค่อย ๆ เริ่มเสื่อมถอยลง และมีโอกาสหลุดร่วงมากขึ้น นี่เองเป็นเหตุผลหนึ่งที่คุณหมอบอกว่า ไม่ควรรอจนสูงวัยแล้วจึงค่อยตัดสินใจมาปลูกผม เพราะทั้งคุณภาพและปริมาณของกราฟต์ผมต้นทุนอาจจะน้อยลง ไม่เหมือนเมื่อยังอยู่ในวัยหนุ่มสาวนั่นเอง

  • การดูแลสุขภาพ และพฤติกรรมการใช้ชีวิต
ไม่ว่าจะเป็นการรับประทานอาหารให้ครบตามโภชนาการ พฤติกรรมการสูบบุหรี่ การใช้สารเคมีและความร้อนกับเส้นผมมากเกินไป ล้วนเป็นปัจจัยที่ทำให้สุขภาพผมแย่ลง ไม่คงทนแข็งแรง เสี่ยงต่อการหลุดร่วง

  • แสงแดด ฝุ่น ควัน และมลภาวะ
เป็นตัวการทำร้ายเส้นผมให้อ่อนแอ แห้ง แตกปลาย เปราะหักหรือหลุดร่วงง่ายกว่าที่ควร

  • โรคและความเจ็บป่วยต่าง ๆ
โรคบางประเภท รวมถึงการต้องกินยาจำเป็นบางชนิด ก็มีส่วนในการส่งผลข้างเคียงต่อเส้นผมเช่นกัน อาจทำให้เกิดอาการผมร่วงมากขึ้นกว่าปกติ

ทั้งหมดนี้ ทำให้ลักษณะกราฟต์ผมของแต่ละคน มีรูปแบบที่หลากหลาย เช่น ผมตรง ผมหยิก ผมเส้นเล็กบาง ผมเส้นหนาใหญ่ กราฟต์ผมเส้นเดี่ยว หรือกราฟต์ผม 4 เส้น ซึ่งแพทย์จะต้องวิเคราะห์สภาพกราฟต์ผมต้นทุนเหล่านี้ เพื่อนำมาวางแผนการปลูกผมใหม่ และคำนวณว่าควรจะใช้กราฟต์ผมปริมาณเท่าไร เพื่อเติมเต็มส่วนที่มีปัญหาผมร่วง ผมบาง ให้กลับมาหนาแน่นอีกครั้ง






ทำไมแพทย์จึงต้องให้ความสำคัญอย่างมากกับการวางแผนและคำนวณกราฟต์ผม นั่นก็เป็นเพราะ กราฟต์ผมต้นทุนบนศีรษะของเรามีอยู่อย่างจำกัด หากจะปลูกผมใหม่ ควรใช้กราฟต์ผมต้นทุนจากบริเวณด้านหลังท้ายทอย หรือที่เรียกว่า Safe Zone เท่านั้น เนื่องจากผมบริเวณนี้มีคุณสมบัติในการต้านฤทธิ์ของฮอร์โมน DHT ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้ผมหลุดร่วง เมื่อย้ายผมจากบริเวณนี้ไปปลูกใหม่ คุณสมบัติความคงทนแข็งแรงนี้ก็จะติดตามไปด้วย 


ดังนั้น การปลูกผมจึงไม่ใช่หัตถการที่ทำได้บ่อย ๆ ในชีวิตของคนคนหนึ่งอาจปลูกผมใหม่ได้เพียง 1-2 ครั้งเท่านั้นเอง แพทย์จึงต้องวิเคราะห์ และคำนวณเป็นอย่างดี เพื่อใช้กราฟต์ผมต้นทุนที่มีอยู่ให้คุ้มค่า และวางแผนไว้เผื่อในวันข้างหน้าหากจะต้องมีการปลูกผมซ้ำด้วย เนื่องจากผมในบริเวณอื่น ๆ ที่อยู่ข้างเคียงอาจเกิดภาวะผมร่วงและผมล้านต่อจากจุดเดิมที่เคยปลูกไว้ก็เป็นได้

แต่ไม่ว่ากราฟต์ผมต้นทุนของเราจะมีคุณภาพเป็นอย่างไร ก็สามารถลองเข้ามาปรึกษาแพทย์ผู้ชำนาญด้านเส้นผม เพื่อร่วมกันออกแบบแนวทางการปลูกผมที่ตอบโจทย์ความต้องการได้ตรงจุดที่สุด โดยใช้กราฟต์ผมต้นทุนอย่างเหมาะสม รวมถึงเสนอแนะทางออกอื่น ๆ เช่น หากกราฟต์ผมต้นทุนบริเวณ Safe Zone ไม่เพียงพอ แพทย์อาจแนะนำให้ใช้กราฟต์ผมนอก Safe Zone (ซึ่งไม่ได้มีคุณสมบัติต้านฮอร์โมน DHT) ร่วมด้วยได้ เพียงแต่ต้องดูแลเป็นพิเศษ รับประทานยา และรับบริการ Treatment อย่างสม่ำเสมอ และหลังจากเข้ารับการปลูกผมเรียบร้อยแล้ว ก็ควรใส่ใจดูแลอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ทั้งผมใหม่ และผมเดิม มีความแข็งแรง คงทน อยู่กับเจ้าของเส้นผมต่อไปแบบถาวร


“เส้นผม” ชีวิตจะเสียศูนย์ถ้าปล่อยให้สูญเสีย
ปัญหาผมร่วงผมบางเหมือนระเบิดเวลา ยิ่งรอยิ่งรุนแรง แก้ไขได้ยาก หรือในที่สุดอาจต้องปล่อยให้ปัญหาระเบิดโดยที่ทำอะไรไม่ได้เลย สำหรับผู้ที่ยังไม่มีปัญหาอาจจะไม่เข้าใจความรู้สึกนี้ แต่เมื่อใดที่สังเกตได้ว่าเริ่มมีความผิดปกติเกี่ยวกับเส้นผม เสียงนับถอยหลังของระเบิดเวลาจะดังขึ้นทันที เริ่มด้วยความสงสัย กังวล ตามมาด้วยความพยายามปกปิด หวาดระแวง สูญเสียความมั่นใจ บุคลิกภาพเปลี่ยนไป หากยื้อเวลาไปเรื่อยๆ ก็จะตกอยู่ในสภาพนั้นตลอดไป   



ก่อนหน้านี้การปลูกผมยังเป็นเรื่องที่เข้าถึงได้ยาก ทั้งวิธีการที่ซับซ้อน และน่ากลัว การดูแลหลังการปลูกผมก็มีขั้นตอนมาก ยุ่งยาก ต้องพักฟื้นนาน กระทบชีวิตประจำวันแทบไม่ต่างกับการผ่าตัดใหญ่ การปลูกผมจึงค่อนข้างเป็นเรื่องที่ไกลตัว ต้องเป็นคนที่มีความพร้อมจริงๆ ถึงขั้น “อุทิศตน” จึงจะเข้าถึงการปลูกผมได้

แต่ในปัจจุบัน การปลูกผมพัฒนาขึ้นมาก โดยเฉพาะด้านเทคนิคและอุปกรณ์ที่นำมาใช้ในการปลูกผม ดังที่ พญ.ดิลกณิกนันต์ นามทองต้น หรือคุณหมอนิน แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการปลูกผม ผู้ที่เข้าใจถึงความหมายและความสำคัญของเส้นผมว่าเป็นสิ่งที่สะท้อนถึงบุคลิกภาพและตัวตนได้อย่างชัดเจน จึงได้มุ่งมั่นคิดค้นและพัฒนาเทคนิคการปลูกผม NEAT และต่อยอดไปถึงการดูแลสุขภาพเส้นผมแบบองค์รวมที่จะช่วยให้ผู้ที่มีปัญหาเส้นผมในภาวะต่างๆ ได้กลับมามั่นใจและสัมผัสกับความสุขกับการใช้ชีวิตได้อีกครั้งหนึ่ง



การปลูกผมเทคนิค NEAT เป็นการผสานกันอย่างลงตัวระหว่างศาสตร์และศิลป์ เพื่อให้การปลูกผมมอบทั้งความสวยงามและความสะดวกสบายให้ผู้เข้ารับบริการ เข้าถึงได้ง่าย เหมาะสำหรับทุกเพศทุกวัย ตอบโจทย์ชีวิตยุคใหม่ที่ทุกอย่างต้องไม่กระทบกับกิจวัตรประจำวัน ผลลัพธ์จากการปลูกผมเทคนิค NEAT ที่สัมผัสได้คือ

  • กรอบหน้าใหม่ที่ออกแบบโดยแพทย์ตามหลัก Golden Ratio เสริมให้รูปหน้ามีสัดส่วนที่สวยงามขึ้น
  • การปลูกผมด้วยมือแพทย์ทุกเส้น จึงมั่นใจได้ทั้งความหนาแน่นและทิศทางของผมที่เป็นธรรมชาติ
  • เทคนิคการเจาะนำผมออกจากด้านหลังทีละเส้นแบบขั้นบันได ไม่ต้องโกนผม ไม่ทิ้งรอยแผล 
  • อุปกรณ์ที่ใช้ปลูกผมมีขนาดเล็กมาก ปลูกผมได้ละเอียด แม่นยำ แผลเล็ก เจ็บน้อย ไม่ช้ำบวม ไม่ต้องพักฟื้นหลังการปลูกผม ใช้ชีวิตตามปกติได้ทันที
  • ดูแลหลังการปลูกผมต่อเนื่อง ติดตามผลเป็นระยะ ให้คำแนะนำอย่างใกล้ชิด จนกว่าจะได้ผลลัพธ์เป็นเส้นผมใหม่ที่สมบูรณ์





เมื่อการปลูกผมไม่ใช่เรื่องน่ากลัวอีกต่อไป ก็ไม่ควรปล่อยให้ปัญหาผมร่วงผมบางมาทำลายความมั่นใจและตัวตนของคุณได้อีก เปิดใจให้ NEAT ได้เติมเต็ม “เส้นผมใหม่” ที่จะเปลี่ยนคุณให้เป็นคนใหม่ที่ดูดียิ่งขึ้น พร้อมเปิดโอกาสรับสิ่งดีๆที่จะเข้ามาในชีวิต ซึ่งไม่ได้เป็นคำกล่าวที่เกินจริงแต่อย่างใด เพราะทุกคนที่เลือกปลูกผมเทคนิค NEAT  ต่างได้สัมผัสกับความรู้สึกดีเป็นพิเศษแบบนี้มาแล้วทั้งสิ้น

หยุดวงจรระเบิดเวลาของปัญหาเส้นผมได้ทันที อยู่ที่การตัดสินใจของตัวคุณเอง         
   

5 Facts ควรรู้ก่อนปลูกผม
การปลูกผม น่าจะเป็นการตัดสินใจครั้งใหญ่ในชีวิตของใครหลาย ๆ คน เพราะถือเป็นการลงทุนที่ไม่ได้เกี่ยวข้องเพียงแค่เรื่องของตัวเงิน แต่ยังมีใบหน้าและเส้นผมของเราเองเป็นเดิมพัน!! เราจึงมักได้ยินบ่อย ๆ ว่า ก่อนปลูกผม ควรศึกษาข้อมูลให้ดีเสียก่อน ซึ่งก็เป็นคำแนะนำที่นามนินอยากฝากถึงคนรักผม คนที่กำลังตัดสินใจเรื่องการปลูกผม หรือคนที่กำลังเตรียมตัวเข้ารับการปลูกผมด้วยเช่นกัน 

และนี่คือ 5 Facts สำคัญ ที่เป็นเหตุผลว่า ทำไมเราจึงควรศึกษาทำความเข้าใจข้อมูลต่าง ๆ ให้ดีก่อนเข้ารับการปลูกผม ซึ่งอาจเป็นเพียงครั้งหนึ่งครั้งเดียวในชีวิต


Fact No.1
การปลูกผม โอกาสเพียงครั้งเดียวที่ไม่ควรปล่อยให้พลาด

การปลูกผมไม่เหมือนการทำหัตถการเสริมความงามอื่น ๆ ที่มีโอกาสแก้ไขซ้ำได้เป็นครั้งที่  3 4 5 หรือบ่อยครั้งเท่าไหร่ก็ได้ไม่มีสิ้นสุด เพราะการปลูกผม จะต้องใช้ผมของเจ้าตัวเองเท่านั้น และไม่ใช่ผมตรงไหนก็ได้ แต่ต้องเป็นผมจาก Safe Zone บริเวณด้านหลังท้ายทอย ซึ่งมีอยู่อย่างจำกัดนั่นเอง

มาทำความเข้าใจหลักการปลูกผมง่าย ๆ กันก่อน เคยลองสังเกตมั้ยว่า ในคนส่วนใหญ่ที่มีภาวะผมล้าน ส่วนของผมที่มักจะเหลืออยู่กับหนังศีรษะของเราได้นานที่สุด ก็คือผมบริเวณด้านหลังท้ายทอย หรือที่เรียกว่าผมต้นทุนบริเวณ Safe Zone นั่นเป็นเพราะผมตรงนั้นมีคุณสมบัติในการต้านทานฮอร์โมน DHT ตัวการสำคัญที่ทำให้ผมอ่อนแอและหลุดร่วงง่าย แพทย์จึงต้องเลือกใช้ผมต้นทุนบริเวณ Safe Zone ย้ายออกมาปลูกใหม่ในพื้นที่ที่มีปัญหาผมร่วง ผมบาง เพื่อเสริมเติมความหนาแน่น ที่พิเศษก็คือ แม้จะย้ายมาปลูกใหม่แล้ว แต่คุณสมบัติความทนทานไม่หลุดร่วงง่าย ก็จะยังคงอยู่กับผมส่วนนี้ไปตลอด 


ถึงตรงนี้ คุณผู้ชายคงโล่งใจกันไปเป็นแถว ๆ ว่าเรามีตัวช่วยชั้นดีอยู่บนศีรษะของเรานี่เอง แต่ยัง!! ยังไม่จบแค่นั้น ธรรมชาติยังให้โจทย์ใหญ่ท้าทายพวกเรา ด้วยการจำกัดพื้นที่ของ Safe Zone ด้านหลังท้ายทอยไว้เพียงไม่มาก นั่นหมายความว่า ผมต้นทุนที่เราพอจะพึ่งพาได้ในยามปลูกผม มีอยู่ในปริมาณจำกัด ทำให้เรามีโอกาสปลูกผมใหม่กันได้เพียง 1-2 ครั้งในชีวิตเท่านั้น เพราะผมต้นทุนมีน้อย และแพทย์ก็ไม่สามารถย้ายออกมาใช้ได้ทั้งหมด จะต้องคงเหลือไว้เพื่อไม่ให้ผมบริเวณด้านหลังท้ายทอยดูบางจนผิดธรรมชาติด้วย ยิ่งใครที่อายุมากขึ้น ผมต้นทุนก็ยิ่งน้อยลงไปตามกาลเวลา ทำให้การจัดการปัญหาผมบางยิ่งยากขึ้นไปอีก บางคนปลูกได้เพียงครั้งเดียว ผมต้นทุนก็หมดแล้ว บางคนตัดสินใจมาพบแพทย์ช้าเกินไปจนผมต้นทุนเหลือไม่พอปลูกในครั้งแรกด้วยซ้ำ 

ดังนั้น การศึกษาข้อมูลเหล่านี้ จะช่วยให้คุณเลือกตัดสินใจ ปลูกผมให้ดีที่สุดตั้งแต่ครั้งแรก เพื่อไม่พลาดโอกาสสำคัญของชีวิต


Fact No.2
กราฟต์ผม ศัพท์เทคนิคที่มือใหม่ต้องรู้

ในข้อแรก เราพูดถึงการย้ายผมต้นทุนออกจาก Safe Zone เพื่อมาปลูกใหม่ ขอขยายความอีกนิดว่า ในการปลูกผม เราไม่ได้ย้ายผมออกทีละเส้นเดี่ยว ๆ แต่ย้ายออกทีละ 1 กราฟต์ผม คำว่ากราฟต์ผมนั้นก็หมายถึงกอผมที่มีเส้นผมอยู่รวมกันตั้งแต่ 1-4 เส้น และใน 1 รูขุมขนบนหนังศีรษะก็จะมีกราฟต์ผม 1 กราฟต์ 

ทำไมเราต้องรู้จักกราฟต์ผม นั่นก็เพราะคุณหมอจะวิเคราะห์ปัญหาผมของเรา และสภาพผมต้นทุน ร่วมกับปัจจัยแวดล้อมอื่น ๆ เพื่อคำนวณปริมาณกราฟต์ที่เหมาะสม ว่าควรย้ายกราฟต์ผมออกมาเท่าไหร่ และจะปลูกอย่างไรให้หนาแน่นเหมาะสมกับพื้นที่ โดยมีหลักอยู่ว่า คุณหมอจะปลูกผมใหม่ประมาณ 55-60 กราฟต์ต่อตารางเซนติเมตร ซึ่งเป็นความหนาแน่นที่กำลังดี ใกล้เคียงกับผมจริง แลดูเป็นธรรมชาติ ไม่น้อยเกินไปจนผมยังดูเหมือนบางอยู่ และไม่มากเกินไปจนผมใหม่เบียดแย่งสารอาหารกัน จนอาจนำไปสู่การหลุดร่วงได้ง่าย 


ที่สำคัญ เราจะได้ทำความเข้าใจ และลองประเมินกราฟต์ผมที่ควรใช้ในการปลูกเบื้องต้นด้วยตนเอง จะช่วยให้เราสามารถวางแผนร่วมกับคุณหมอได้อย่างราบรื่น และมั่นใจได้ว่าราคาที่ต้องจ่ายเพื่อการย้ายกราฟต์ผมในปริมาณนั้น ๆ จะเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า คุ้มราคาอย่างแท้จริง


Fact No.3
กระบวนการปลูกผม การเดินทางร่วมกันระหว่างหมอกับคนไข้

การปลูกผมเต็มไปด้วยรายละเอียดในแต่ละขั้นตอนมากมาย หากลองทำความเข้าใจก็จะทำให้เรามองเห็นภาพรวมของความเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นกับเส้นผมและหนังศีรษะ ขณะเดียวกันก็เข้าใจปัจจัยต่าง ๆ ที่มีผลต่อการออกแบบการรักษาของคุณหมอ รวมไปถึงรับรู้ถึงบทบาทของทั้งคุณหมอและคนไข้ ที่จะต้องให้ความร่วมมือกันตลอดกระบวนการปลูกผม


ก่อนปลูกผม คุณหมอจะรับฟังปัญหาเส้นผมของคนไข้ เพื่อวิเคราะห์และออกแบบแนวทางการรักษาให้ตอบโจทย์มากที่สุด โดยยึดความต้องการของคนไข้เป็นศูนย์กลาง จากนั้นจึงประเมินและคำนวณปริมาณกราฟต์ผมต้นทุนที่ต้องใช้ในการปลูกผมใหม่ ตามมาด้วยการออกแบบกรอบหน้า หรือ Hairline โดยใช้สัดส่วนความงาม Golden Ratio เพื่อเติมเต็มแนวไรผมบริเวณหน้าผาก และเสริมให้ใบหน้าดูหวานละมุน อ่อนเยาว์ หรือคมเข้มสมาร์ทขึ้น

ในวันทำหัตถการปลูกผม ขั้นตอนจะเริ่มจากการเจาะย้ายกราฟต์ผมจากด้านหลังท้ายทอยออก โดยไม่ต้องตัดผมหรือโกนผม และใช้เทคนิคขั้นบันได หมายถึงการเจาะย้ายกราฟต์ออกเป็นแถบบาง ๆ สลับกัน เพื่อซ่อนรอยแผลได้อย่างแนบเนียน ก่อนจะนำกราฟต์ผมแช่ในน้ำยารักษาสภาพผมทันที และตัดแต่งกราฟต์ผมให้เหมาะกับบริเวณที่จะปลูก จากนั้นคุณหมอจะลงมือปักกราฟต์ผมให้ด้วยตัวเอง ทีละกราฟต์ ๆ จนได้ความหนาแน่นของเส้นผมที่เต็มแน่นกำลังดี 


และจากนั้นอีก 1 ปีเต็ม คือขั้นตอนการดูแลติดตามผลหลังปลูก ซึ่งคุณหมอจะคอยตรวจการเจริญเติบโตของเส้นผมทุกระยะ พร้อมให้คำแนะนำในการดูแลตนเอง เพื่อให้เส้นผมปลูกใหม่มีอัตราการรอดได้มากที่สุด เนื่องจากผมปลูกใหม่จะใช้เวลา 1 ปีตามวงจรธรรมชาติ จึงจะแข็งแรงสมบูรณ์เต็มที่ ตรงนี้เองที่คนไข้จะต้องให้ความร่วมมือในการทะนุถนอมและบำรุงเส้นผมอย่างต่อเนื่อง เพราะไม่เช่นนั้น เส้นผมก็มีโอกาสหลุดร่วง จนกลับไปมีอาการผมบางซ้ำอีกก็เป็นได้


Fact No.4
สำคัญแค่ไหน ทำไมต้องปลูกผมด้วยแพทย์

สำคัญแน่นอน เพราะการปลูกผมต้องประยุกต์ใช้ทั้งศาสตร์การแพทย์ และมุมมองเชิงศิลป์ ในการออกแบบการรักษาและออกแบบความงามไปพร้อม ๆ กัน งานนี้จึงต้องอาศัยแพทย์ผู้ชำนาญด้านเส้นผมตัวจริงเท่านั้น จึงจะมีความรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับเส้นผมเพียงพอ 

และในขณะที่ทำหัตถการปลูกผมนั้น มีปัจจัยต่าง ๆ ที่ต้องระมัดระวังและใส่ใจเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นการปักกราฟต์ผมให้ได้ความหนาแน่นตามจำนวนกราฟต์ที่คำนวณไว้ ซึ่งจะหนาแน่นกำลังดี ไม่มากไม่น้อยเกินไป การคัดเลือกเส้นผมที่มีขนาด ความหนาบาง และความโค้ง ให้เหมาะกับบริเวณที่จะปลูก เพราะผมบริเวณต่าง ๆ อย่างเช่นตรงกลางศีรษะ หรือแนวไรผมบริเวณหน้าผาก ย่อมมีลักษณะที่ต่างกัน ซึ่งแพทย์จะต้องมีความละเอียดอ่อนตรงจุดนี้


นอกจากนั้น แพทย์จะต้องปักกราฟต์ผมโดยเรียงให้ได้ทิศทางและองศาที่กลมกลืนไปกับเส้นผมเดิม เพื่อความเป็นธรรมชาติมากที่สุด ซึ่งข้อนี้สำคัญมาก ๆ เพราะทิศทางผมเป็นสิ่งที่ยังไม่สามารถสังเกตผลลัพธ์ได้ในช่วงแรก ต้องรอให้ผมยาวขึ้นเสียก่อนจึงจะเห็น และถ้าชี้ผิดทิศทาง ย้อนแย้งกับเส้นผมเดิม ก็จะไม่สามารถกลับไปแก้ไขได้อีก 

และสิ่งที่แพทย์ต้องควบคุมยังรวมไปถึงระยะความลึกในการปักกราฟต์ผมด้วย เพื่อให้แน่ใจว่ารากผมจะเชื่อมต่อกับชั้นหนังศีรษะอย่างดี สามารถรับสารอาหารที่มาหล่อเลี้ยงได้อย่างเต็มที่ และเจริญเติบโตได้อย่างสมบูรณ์ ทั้งหมดนี้ ก็คือเหตุผลว่า ทำไมแพทย์จึงควรลงมือปลูกผมให้คนไข้ด้วยตัวเองทุกกราฟต์ แบบที่ใครก็ทำแทนไม่ได้นั่นเอง


Fact No.5
อุปกรณ์ปลูกผมที่ล้ำสมัยและได้มาตรฐาน 

อย่างไรก็ตาม แพทย์ผู้ชำนาญก็ยังต้องการผู้ช่วยมือหนึ่งเหมือนกัน นั่นก็คืออุปกรณ์ในการปลูกผมต่าง ๆ อย่างเช่นอุปกรณ์ช่วยเจาะย้ายกราฟต์ผมออกจากด้านหลังท้ายทอย เพื่อคงสภาพของกราฟต์ผมไว้ได้มากที่สุด และอุปกรณ์เด่นที่ขาดไม่ได้ ก็คือปากกาปลูกผม หรือ Implanter Pen สำหรับปักกราฟต์ผมเพื่อปลูกใหม่ลงในพื้นที่ที่ต้องการ 


โดย Implanter Pen จะช่วยถนอมรากผมไม่ให้บอบช้ำ ต่างจากการใช้ Forceps หรือคีมคีบ ซึ่งเป็นวิธีปลูกผมที่ใช้กันในสมัยก่อน ทำให้อัตราการอยู่รอดของเส้นผมสูงขึ้น แพทย์เองก็สามารถปลูกผมได้อย่างละเอียด แม่นยำ รวดเร็ว และควบคุมทิศทาง องศา ตลอดจนระยะความลึกในการปลูกได้ง่ายขึ้น ทั้งยังลดอาการเจ็บหรือบวมซึ่งเป็นผลข้างเคียงในคนไข้บางรายได้อีกด้วย

อุปกรณ์ที่ได้มาตรฐานเหล่านี้ จึงเป็นตัวแปรสำคัญที่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้การปลูกผมประสบความสำเร็จได้ไม่น้อยเลยทีเดียว

และนี่ก็คือ 5 Facts ควรรู้ก่อนปลูกผม ที่จะช่วยให้เราเห็นภาพมากขึ้นว่า หากจะตัดสินใจปลูกผมครั้งหนึ่งในชีวิต นอกเหนือจากเรื่องของราคาแล้ว ควรพิจารณาปัจจัยอะไรร่วมด้วยอีกบ้าง อย่าลืมว่าผลลัพธ์ของการปลูกผมจะอยู่กับเราไปจนตลอดชีวิต โดยเรามีโอกาสปลูกผมเพียง 1-2 ครั้งเท่านั้น ดังนั้นจึงควรเลือกสิ่งที่ดีที่สุด เพื่อดูแลเส้นผมให้อยู่กับเราไปนาน ๆ

คุณแม่มือใหม่ ทำไมผมร่วงหลังคลอด?
โลกของคุณแม่มือใหม่ ไม่ได้สวยงามชวนฝันเหมือนในละครโทรทัศน์ ไหนจะต้องรับบทบาทคุณแม่ดูแลเจ้าตัวเล็ก 24 ชั่วโมง อดหลับอดนอน รับมือกับความเครียดสารพัดเรื่อง คุณแม่หลายคนยังต้องกังวลกับการเปลี่ยนแปลงของร่างกายและจิตใจ ต้องพยายามดูแลตัวเองทั้งที่ในแต่ละวันก็แทบไม่มีเวลา ทั้งยังต้องมาเจอกับปัญหาอย่างเช่น “ภาวะผมร่วงหลังคลอด” ที่ทำเอาคุณแม่หลายคนเสียขวัญเพราะผมร่วงในแต่ละวันเป็นร้อย ๆ เส้น!! จนเกิดคำถามมากมายว่าร่างกายมีอะไรผิดปกติเกิดขึ้นหรือเปล่า ผมจะร่วงแบบนี้ไปอีกนานแค่ไหน  มีวิธีช่วยหยุดอาการผมร่วงได้หรือไม่ 

...คำตอบอยู่ในอีกไม่กี่บรรทัดข้างล่างนี้แล้ว มาทำความเข้าใจภาวะผมร่วงหลังคลอดของเหล่าคุณแม่มือใหม่ไปพร้อม ๆ กันเลย...


ผมร่วงหลังคลอด ...ผิดปกติหรือไม่...

ภาวะผมร่วงหลังคลอด ไม่ใช่อาการผิดปกติ หรืออาจเป็นอันตรายแต่อย่างใด ตามสถิติแล้ว จะมีคุณแม่ถึงประมาณร้อยละ 50 ที่ต้องเผชิญกับอาการผมร่วงหลังคลอด และผมที่ร่วงเป็นหลักร้อยเส้นนั้น ก็เรียกได้ว่าเป็นแค่ปริมาณส่วนน้อยเพียงร้อยละ 5-15 ของเส้นผมทั้งหมดบนหนังศีรษะเท่านั้นเอง และโดยปกติผมของคนเราก็อาจร่วงได้ถึง 100 เส้นต่อวันอยู่แล้ว จึงไม่จำเป็นต้องกังวลใจมากจนเกินไป


คุณแม่มือใหม่ ...ทำไมจึงผมร่วง...

นอกจากปัจจัยอย่างเช่นความเครียด ความกังวลในเรื่องต่าง ๆ รวมถึงการรับประทานอาหารที่ไม่สมดุลแล้ว สาเหตุหลักของภาวะผมร่วงหลังคลอด ก็คือการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนเอสโตรเจนภายในร่างกายของคุณแม่นั่นเอง ซึ่งเป็นภาวะที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ เพื่อให้เข้าใจและเห็นภาพมากขึ้น มาทำความรู้จักกับวงจรชีวิตของเส้นผมกันก่อน ประกอบไปด้วย 3 ระยะ ได้แก่

  • ระยะงอกของเส้นผม (Anagenic Phase)
  • ระยะพักของเส้นผม (Catagen Phase)
  • ระยะเตรียมหลุดร่วง (Telogen Phase)

เมื่อคุณแม่เริ่มตั้งครรภ์ ร่างกายจะสร้างฮอร์โมนเอสโตรเจนในระดับสูงขึ้น และสร้างออกมาอย่างต่อเนื่องเป็นเวลานาน ซึ่งเจ้าฮอร์โมนเอสโตรเจนนี้เอง จะไปกระตุ้นให้เส้นผมเกือบทั้งศีรษะเข้าสู่ระยะเจริญเติบโตพร้อม ๆ กัน มีเพียงส่วนน้อยมาก ๆ ที่อยู่ในระยะพัก (Catagen Phase) และเตรียมหลุดร่วง ผลที่ตามมาก็คือ จากเดิมก่อนตั้งครรภ์ที่คุณแม่เคยผมร่วงตามธรรมชาติวันละ 70-100 เส้น กลายเป็นว่าพอตั้งครรภ์แล้ว ผมจะหลุดร่วงน้อยลง แลดูหนาดกดำขึ้นตลอด 9 เดือน 

แต่พอคลอดแล้ว ฮอร์โมนเอสโตรเจนในร่างกายจะลดระดับลงอย่างรวดเร็ว เส้นผมจำนวนมากที่เคยอยู่ในระยะเจริญเติบโตเพราะฮอร์โมนเลี้ยงระดับไว้ จึงหยุดการเจริญเติบโตอย่างกะทันหัน พากันเข้าสู่ระยะพัก (Catagen Phase) ตามมาด้วยระยะเตรียมหลุดร่วง (Telogen Phase) ทำให้ผมร่วงพร้อม ๆ กันมากกว่าปกติ นับเป็นร้อย ๆ เส้นอย่างที่เราเห็น บางครั้งอาจร่วงมากถึง 400-500 เส้นต่อวันทีเดียว ซึ่งภาวะผมร่วงหลังคลอดนี้ มีอีกชื่อหนึ่งว่า ภาวะ Telogen Effluvium แบบเฉียบพลันนั่นเอง


นานแค่ไหน ...กว่าผมจะหยุดร่วง...

โดยเฉลี่ยแล้ว คุณแม่มือใหม่มักจะมีอาการผมร่วงหนักประมาณ 3 เดือน ซึ่งภาวะผมร่วงหลังคลอดนี้จะเริ่มปรากฏชัดขึ้นในช่วง 2-3 เดือนแรกหลังคลอด และในช่วงเดือนที่ 6-12 ฮอร์โมนเอสโตรเจนจะค่อย ๆ ปรับเข้าสู่ระดับปกติ ภาวะ Telogen Effluvium จะค่อย ๆ หายไป จนกระทั่งผมเริ่มหยุดร่วงมากผิดปกติในที่สุด ดังนั้น หลังคลอดไปแล้ว 1 ปีถึง 1 ปีครึ่ง เส้นผมของคุณแม่ก็จะกลับมาหนาแน่นเหมือนเดิม


ชวนคุณแม่ ...ดูแลเส้นผมหลังคลอด...

แม้ว่าอาการผมร่วงหลังคลอดจะอยู่กับคุณแม่เพียงแค่ชั่วคราว แต่ระหว่างที่ผมร่วงเยอะ ๆ นั้นก็คงจะทำให้คุณแม่จิตตกและเครียดกังวลอยู่ไม่น้อย แม้ว่าเราจะหยุดอาการผมร่วงไม่ได้ แต่ก็ยังมีอีกหลาย ๆ วิธีที่จะช่วยฟื้นฟูดูแลสุขภาพผม รวมถึงมีข้อแนะนำเล็ก ๆ น้อย ๆ เพื่อป้องกันไม่ให้สุขภาพผมของคุณแม่อ่อนแอลงไปกว่าเดิม 

  • เริ่มจากขั้นตอนการสระเพื่อทำความสะอาดเส้นผม แนะนำให้เลือกใช้แชมพูที่มีความอ่อนโยน ไม่ระคายเคือง และสามารถนวดหนังศีรษะเบา ๆ ระหว่างสระผม เพื่อกระตุ้นให้เลือดมาเลี้ยงรากผมได้ดีขึ้น

  • เสริมด้วยการใช้ครีมนวดบำรุงเส้นผมตั้งแต่ช่วงกลางผมถึงปลายผม เพื่อให้เส้นผมเงางาม มีน้ำหนัก แต่ระวังอย่าชโลมครีมนวดบริเวณหนังศีรษะโดยตรง เพราะจะยิ่งเพิ่มความมันให้กับหนังศีรษะ จนเกิดการอุดตันของรูขุมขน ซึ่งเป็นสาเหตุอีกข้อหนึ่งทำให้เกิดอาการผมร่วงได้

  • เรื่องง่าย ๆ ใกล้ตัวอย่างเช่นการหวีผม ก็สามารถส่งผลต่อความทนทานแข็งแรงของเส้นผมได้เช่นกัน ขอแนะนำให้หวีผมอย่างเบามือ เพราะยิ่งหวีแรง ยิ่งเพิ่มโอกาสที่ผมจะขาดหลุดร่วง และการหวีผมบ่อย ๆ  ยังเป็นการกระตุ้นให้ต่อมไขมันในชั้นหนังศีรษะ ผลิตน้ำมันออกมาเกินความจำเป็น ส่งผลให้ผมยิ่งร่วงมากขึ้นได้ นั่นจึงเป็นสาเหตุที่เราไม่ควรหวีผม สัมผัสเส้นผม หรือรบกวนหนังศีรษะระหว่างวันบ่อยจนเกินไปนั่นเอง

เราอาจจะเห็นคุณแม่มือใหม่หลายคนเตรียมตัวด้วยการตัดผมสั้น เพราะดูแลง่าย โอกาสหลุดร่วงน้อย และช่วยให้ไม่ต้องมัดผมบ่อย ๆ เพราะการมัดผมเท่ากับเป็นการดึงผมให้ตึงขึ้น ทั้งที่โคนผมมีความอ่อนแออยู่แล้ว จึงอาจหลุดร่วงได้ง่ายกว่าเดิมอีก

  • หลีกเลี่ยงการใช้ความร้อนกับเส้นผม ไม่ว่าจะเป็นการไดร์เพื่อเป่าผมให้แห้ง การหนีบผม หรือการดัดผม เพราะจะยิ่งทำให้เส้นผมบางลง ทางที่ดีควรเว้นการจัดแต่งทรงผมที่ต้องใช้ความร้อนสูงไปสักระยะ 

  • อาหารก็เป็นอีกหนึ่งหัวใจสำคัญของการบำรุงผมเช่นเดียวกัน โดยหลักการง่าย ๆ คือการรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ โดยเฉพาะอาหารที่อุดมไปด้วยสังกะสี ธาตุเหล็ก ไอโอดีน ไบโอติน หรือโอเมก้า 3 เป็นต้น

  • พักผ่อนให้เพียงพอ และหาเวลาในการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ



Premium Hair Booster ...นวัตกรรมลดผมร่วงจากนามนิน

และถ้าคุณแม่ท่านไหนกำลังมองหา Treatment บำรุงผมชั้นลึก เพื่อผมสุขภาพดีจากภายใน นามนินขอแนะนำ นวัตกรรม Premium Hair Booster ที่พัฒนาขึ้นโดยคุณหมอนิน - แพทย์หญิงดิลกณิกนันต์ นามทองต้น แพทย์ผู้ชำนาญด้านเส้นผม เพื่อคืนความหนาแน่น ดกดำ แข็งแรงให้กับเส้นผม ด้วยพลังบำรุงจาก Exosome อนุภาคไซส์จิ๋วระดับนาโนซึ่งเป็นสารชีวโมเลกุลที่แยกออกมาจากสเต็มเซลล์ หรือเซลล์ต้นกำเนิด โดยมีขนาดของอนุภาคเพียง 30 – 100 นาโนเมตรเท่านั้น เรียกได้ว่าเล็กกว่าเซลล์ทั่วไปถึง 1/1000 เท่า ซึ่งภายในประกอบด้วยสารชีวโมเลกุลต่าง ๆ นับพันชนิด และโปรตีนอีกหลายประเภท มากกว่าสารชีวโมเลกุลและโปรตีนที่พบใน PRP หรือเกล็ดเลือดเข้มข้นเป็นพันเท่า ทั้งยังเสริมด้วยวิตามินสูตรเฉพาะของนามนิน ในการทำงานร่วมกับ Exosome เพื่อการออกฤทธิ์ที่มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

ที่สำคัญ นวัตกรรมนี้ยังมีความปลอดภัยสูง เพียงใช้วิธีการฉีดเข้าสู่หนังศีรษะ สารสำคัญต่าง ๆ จะตรงเข้าซ่อมแซมเซลล์ที่เสื่อมสภาพ และฟื้นฟูการสร้างเซลล์ใหม่ ได้ลึกถึงระดับการแสดงออกของยีน (Epigenetic) โดยไม่มีอาการเจ็บ ไม่ทิ้งรอยแผล ไม่มีผลข้างเคียง และไม่ต้องพักฟื้นหรือดูแลเป็นพิเศษ 

Premium Hair Booster ยังให้ผลลัพธ์ที่พิสูจน์ได้ตั้งแต่ครั้งแรก ในการลดอาการผมร่วง กระตุ้นการงอกใหม่ของเส้นผม และช่วยให้เส้นผมที่เคยลีบบางมีขนาดใหญ่ขึ้น แข็งแรงขึ้น ทั้งยังตอบโจทย์การฟื้นฟูภาวะผมร่วงจากสาเหตุอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็นกรรมพันธุ์ ภาวะทางสุขภาพ ความเครียด การขาดสารอาหาร หรือการโดนทำร้ายจากสารเคมีอีกด้วย 



อย่างไรก็ตาม ถ้าหากคุณแม่สังเกตว่า แม้เมื่อผ่านไปแล้ว 1 ปี ผมยังคงหลุดร่วงมากกว่า 100 เส้นต่อวัน กรณีนี้ขอแนะนำให้คุณแม่ปรึกษากับแพทย์ผู้ชำนาญด้านเส้นผม เพื่อวิเคราะห์หาสาเหตุอื่น ๆ นอกเหนือจากการเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมน และวางแผนการดูแลฟื้นฟูสุขภาพผมแบบเฉพาะบุคคลร่วมกัน

“นามนิน” เข้าใจเส้นผม เข้าถึงตัวตน
เส้นผม เส้นเล็กละเอียด บางๆเบาๆ ที่มีอิทธิพลต่อจิตใจไม่เบาเลยค่ะ หากอยู่ในวัยที่ยังสามารถเลือกทรงผมได้อย่างใจต้องการ ทรงผมแต่ละทรง สีผมแต่ละสี ล้วนเป็นเครื่องสะท้อนบุคลิกของแต่ละคนได้เป็นอย่างดี จะผมสั้น ผมยาว สีดำ สีน้ำตาลหรือสีสดใสจนแสบตา ก็ล้วนเลือกสรรมาเพื่อบ่งบอกความคิดและอิสระในการใช้ชีวิตในช่วงวัยรุ่นได้ชัดเจน

หากอยู่ในวัยทำงานไปจนถึงวัยกลางคน ทรงผมก็เปลี่ยนสถานะไปเป็นตัวช่วยเสริมบุคลิกภาพให้ดูดี เหมาะสมกับหน้าที่การงาน น่าประทับใจต่อผู้ที่พบเห็น และหากจะมองให้ลึกไปกว่านั้น “สุขภาพเส้นผม” ยังเป็นเสมือนกระจกที่สะท้อนถึงการดูแลตนเองได้เป็นอย่างดีอีกด้วย  ในทางตำราโหราศาสตร์ของจีน หรือโหงวเฮ้ง ถือว่าเส้นผมเป็นทิศเหนือ ซึ่งมีผลต่ออาชีพการงาน ชื่อเสียงเกียรติยศ ผู้อุปถัมภ์ค้ำจุนและความมั่งคั่งร่ำรวย หลายคนจึงเชื่อว่า การดูแลรักษาสุขภาพของเส้นผมให้นุ่มสลวย เป็นเงางาม มีสุขภาพดีและแข็งแรงอยู่เสมอ ก็จะส่งผลให้โชคชะตาดีขึ้นด้วย ซึ่งเป็นความเชื่อที่ดี เพราะอย่างน้อยการมีสุขภาพผมดีก็ย่อมส่งผลดีต่อบุคลิกของตัวคุณเองอยู่แล้วค่ะ

พญ.ดิลกณิกนันต์ นามทองต้น หรืออาจารย์หมอนิน แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการปลูกผม เข้าใจถึงความหมายและความสำคัญของเส้นผมว่าเป็นสิ่งที่สะท้อนถึงบุคลิกภาพและตัวตนได้อย่างชัดเจนเพียงใด จึงได้คิดค้นและพัฒนาเทคนิคการปลูกผมและการดูแลสุขภาพเส้นผมแบบองค์รวมที่จะช่วยให้ผู้ที่มีปัญหาเส้นผมในภาวะต่างๆ ได้กลับมามั่นใจและสัมผัสกับความสุขกับการใช้ชีวิตได้อีกครั้งหนึ่ง

“นามนิน คลินิก” ให้การรักษา ดูแล ฟื้นฟูและบำรุงเส้นผม โดยออกแบบการรักษาเป็นรายบุคคล เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ตรงกับความต้องการที่สุด ถ้าจะถามว่ามีใครที่จะเข้าใจเส้นผมไปมากกว่าตัวเราเอง ก็ต้องตอบว่า ทีมแพทย์ของนามนินนี่แหละค่ะ ที่ “รักและเข้าใจ” เส้นผมได้อย่างลึกซึ้งถึงระดับเซลล์มากกว่าเจ้าของเส้นผมเสียอีก

มามอบอิสระให้กับเส้นผมเพื่อเผยความเป็นตัวของตัวเองในแบบที่คุณต้องการ “นามนิน” พร้อมและรอให้คุณมาสัมผัสประสบการณ์ใหม่ของการดูแลเส้นผมอย่างล้ำลึก ที่ให้ผลลัพธ์ได้มากกว่าแค่ “ผมสวย” เพราะเราจะมอบความสุข ความมั่นใจ ตัวตนใหม่ เพื่อให้คุณพร้อมเปิดรับโอกาสใหม่ๆ ในชีวิตที่จะตามมาอีกมากมายจาก “เส้นผม” ของตัวคุณเองค่ะ

ปลูกผมใหม่ ทำไมต้องแคร์ “ผมต้นทุน”
ถ้าคุณคือคนหนึ่งที่กำลังอยู่ในช่วงเริ่มต้นทำความรู้จักกับเทคนิคการปลูกผมแบบถาวร ก็คงจะได้ยินคำว่า “ผมต้นทุน” บ่อย ๆ แน่ ๆ ...แล้วทำไมต้องแคร์ผมต้นทุนขนาดนั้น... มาเจาะลึกความสำคัญของผมต้นทุนกันให้มากขึ้น เพื่อให้เราวางแผนการรักษาภาวะผมร่วงและผมบางร่วมกับแพทย์ผู้ชำนาญได้ ด้วยความเข้าใจอย่างแท้จริง

เส้นผม ...เรื่องใหญ่ ใกล้ตัว...
เส้นผมของคนเรามีลักษณะแตกต่างกัน โดยปัจจัยทางพันธุกรรมอาจทำให้บางคนมีเส้นผมเล็กไม่ค่อยมีน้ำหนัก ขณะที่บางคนมีเส้นผมหนา หยิกฟู จัดทรงยาก ขณะเดียวกัน การที่ต่อมน้ำมันบนหนังศีรษะผลิตน้ำมันออกมาน้อยหรือมาก ก็ทำให้เกิดผมแห้งหรือผมมัน อีกทั้งหากใช้สารเคมีหรือความร้อนกับผมบ่อย ๆ ก็อาจทำให้เกิดผมแตกปลายได้ด้วย

ลักษณะอีกอย่างหนึ่ง ก็คือความหนาแน่นของเส้นผม บางคนมีผมดกหนา บางคนมีผมบาง ซึ่งปัจจัยหนึ่งก็มาจาก “กราฟต์ผม” ด้วย กราฟต์ผมหรือกอผม คือกลุ่มของเส้นผมที่อยู่รวมกันใน 1 รูขุมขนบนหนังศีรษะ อาจมีเส้นผมได้ตั้งแต่ 1-4 เส้นในกราฟต์ผมเดียว ซึ่งตรงนี้เองมีส่วนที่ทำให้คนเรามีผมต้นทุนที่สามารถนำไปปลูกใหม่ได้มากหรือน้อยไม่เท่ากัน



ผมต้นทุน คืออะไร
ผมต้นทุน ก็คือผมบริเวณ Safe Zone ที่อยู่ด้านหลังท้ายทอย คุณสมบัติพิเศษของผมที่ขึ้นบริเวณนี้ ก็คือความสามารถในการต้านทานฮอร์โมน DHT หรือ Dihydrotestosterone ซึ่งโดยปกติแล้วจะออกฤทธิ์ทำให้รูขุมขนบนหนังศีรษะมีขนาดเล็กลง ส่งผลให้เส้นผมที่งอกขึ้นมามีลักษณะเส้นสั้นและบาง อ่อนแอ หลุดร่วงง่าย จนเป็นสาเหตุให้หลาย ๆ คนเกิดภาวะผมบาง ไปจนถึงผมล้านได้

ดังนั้น ผมบริเวณด้านหลังท้ายทอยจึงมีความแข็งแรง ยากที่จะหลุดร่วงก่อนเวลา และเป็นผมในส่วนที่แพทย์ผู้ชำนาญเลือกนำมาใช้ในการปลูกผมใหม่ เพราะแม้จะย้ายมาปลูกบนพื้นที่ใหม่ในบริเวณใดก็ตาม คุณสมบัติความแข็งแรงไม่หลุดร่วงง่ายนี้ จะยังอยู่ไปตลอดวงจรชีวิตของเส้นผมเลยทีเดียว

แต่อย่างไรก็ตาม ผมต้นทุนบริเวณด้านหลังท้ายทอยนี้ มีปริมาณจำกัด หมดแล้วหมดเลย อีกทั้งแต่ละคนก็มีปริมาณไม่เท่ากัน เพราะอย่างที่กล่าวถึงไปแล้วว่า ในกราฟต์ผมหนึ่งอาจมีผมได้ตั้งแต่ 1-4 เส้น บางคนที่มีเส้นผมเพียง 1 หรือ 2 เส้นต่อ 1 กราฟต์ นั่นแปลว่ามีผมต้นทุนที่นำไปปลูกใหม่ได้ค่อนข้างน้อย ทำให้การปลูกผมใหม่ของแต่ละคน มีข้อจำกัด ไม่อาจปลูกได้ตามใจหรือปลูกกี่ครั้งก็ได้แบบที่หลายคนเคยเข้าใจ


ใช้ผมต้นทุนอย่างไร ให้เหมาะสม
ถ้าอย่างนั้นแล้ว แพทย์ผู้ชำนาญจะมีวิธีการวิเคราะห์ และบริหารจัดการผมต้นทุนของผู้เข้ารับบริการปลูกผมอย่างไร ในขั้นตอนแรก ๆ ของการปลูกผม แพทย์จะต้องประเมินพื้นที่ปลูกผมใหม่ ว่ากินบริเวณกว้างแค่ไหน จำเป็นต้องใช้กราฟต์ผมต้นทุนมากน้อยเท่าไร แล้วมาดูปริมาณกราฟต์ผมต้นทุนที่คนไข้มี ก่อนจะคำนวณปริมาณกราฟต์ผมต้นทุนที่จะใช้ในการปลูกผมใหม่ให้ เหมาะสม และ คุ้มค่า มากที่สุด ภายใต้ข้อจำกัดที่ว่า หากถอนย้ายกราฟต์ผมต้นทุนออกจากด้านหลังท้ายทอยแล้ว บริเวณนั้นก็จะไม่มีผมขึ้นใหม่มาทดแทนได้อีก


ดังนั้น แพทย์จึงต้องถอนย้ายกราฟต์ผมต้นทุนออกในปริมาณที่เหมาะสม เพียงพอที่จะเติมเต็มความหนาแน่นและแก้ปัญหาผมบางในพื้นที่ปลูกใหม่ หรือหากยังมีกราฟต์ผมต้นทุนเหลือแม้ปลูกครบแล้ว แพทย์ก็จะทำการปลูกแทรกให้โดยไม่ทิ้งกราฟต์ผมต้นทุนให้เสียเปล่า ขณะเดียวกันก็ไม่ถอนย้ายออกมามากเกินความจำเป็น เพราะจะทำให้ผมด้านหลังบางลงจนจัดทรงผมเพื่อปกปิดได้ยาก ที่สำคัญ แพทย์อาจต้องเหลือผมต้นทุนไว้สำหรับการปลูกในครั้งต่อไป ในกรณีที่คนไข้มีแนวโน้มว่าจะมีภาวะผมร่วงผมบางต่อในบริเวณอื่น ๆ อีกด้วย

ผมต้นทุน จึงเป็นตัวแปรสำคัญในการวางแผนปลูกผมของแพทย์ และต้องวิเคราะห์อย่างละเอียด ถี่ถ้วน รอบคอบ โดยผู้เข้ารับบริการปลูกผมควรศึกษาข้อมูลให้เข้าใจในขั้นตอนและเทคนิคการปลูกผม รวมถึงพูดคุยปรึกษากับแพทย์ผู้ชำนาญ เพื่อช่วยกันใช้ทรัพยากรเส้นผมที่มีอยู่จำกัดนั้น ให้คุ้มค่าและได้ผลมากที่สุดนั่นเอง

ปลูกผมด้วยแพทย์เส้นแรกถึงเส้นสุดท้าย
ในบรรดาปัจจัยต่าง ๆ ที่จะส่งผมให้การปลูกผมแต่ละครั้งประสบความสำเร็จมากน้อยแค่ไหน คงปฏิเสธไม่ได้ว่า หัวใจสำคัญในการปลูกผมให้ได้ผลลัพธ์ออกมาดีที่สุด ก็คือตัว “แพทย์” ผู้ดูแลการปลูกผมในทุกขั้นตอน 

ทำไมการปลูกผม จึงเป็นหัตถการที่ไม่ใช่ว่าใครจะทำก็ได้ แต่ต้องอาศัยบุคลากรผู้มีความชำนาญด้านเส้นผมโดยเฉพาะ และทำไมคุณจึงไม่ควรเสี่ยงมองข้ามความสำคัญของเส้นผมเส้นเล็ก ๆ แต่ควรเลือกวางใจที่จะจบปัญหาเส้นผมกับแพทย์ที่มีความน่าเชื่อถือเท่านั้น ...ไปหาคำตอบพร้อมกันกับนามนินในบทความนี้ได้เลย...


ปลูกผม 
ศาสตร์และศิลป์อันละเอียดอ่อน

อย่างที่นามนินย้ำเสมอมาว่า การปลูกผมเป็นศาสตร์และศิลป์ เพราะนี่คือหนึ่งในศาสตร์ด้านการแพทย์ที่มีการพัฒนาเทคนิคและเทคโนโลยีใหม่ ๆ ต่อเนื่องมายาวนาน และแม้ว่าปัจจุบัน วิทยาการที่ก้าวหน้าจะทำให้ขั้นตอนการปลูกผมมีความทันสมัยมากขึ้น และคนไข้ผู้เข้ารับการปลูกผมเองก็ได้รับความสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น แต่ทักษะความชำนาญของแพทย์ ก็ยังเป็นหัวใจสำคัญของการปลูกผมไม่เปลี่ยนแปลง 

ผมอาจจะถูกมองว่าเป็นส่วนหนึ่งของร่างกายที่ไม่ได้มีความสำคัญนัก แต่ที่จริงแล้ว ผมก็เป็นอวัยวะหนึ่งที่มีบทบาทสำคัญต่อร่างกาย มีความหลากหลาย และมีความซับซ้อนไม่แพ้อวัยวะอื่น ๆ จึงต้องมีแพทย์ที่ศึกษาด้านเส้นผมแบบเฉพาะทาง อีกทั้งในปัจจุบันเทรนด์การดูแลเส้นผมยิ่งเป็นที่นิยมมากขึ้น ผู้คนเกือบทุกเพศทุกวัยเริ่มหันมาเลือกแนวทางการปลูกผมเพื่อรักษาภาวะผมร่วงและผมบางกันมากขึ้น โดยไม่ยึดติดกับภาพลักษณ์ว่าการปลูกผมเป็นเรื่องของผู้ชายหรือผู้สูงวัยเท่านั้นเหมือนแต่ก่อน เราจึงเห็นโรงพยาบาลชั้นนำหลายแห่งในหลาย ๆ ประเทศ เร่งพัฒนาเทคนิคการปลูกผม พร้อมทั้งฝึกฝนและแลกเปลี่ยนความรู้ระหว่างกันในวงการแพทย์ผู้ชำนาญอย่างกว้างขวาง เพื่อยกระดับทักษะของแพทย์ให้สามารถดำเนินขั้นตอนการรักษาที่ล้วนต้องอาศัยความละเอียดอ่อนในทุก ๆ ขั้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ ดังนั้น ศาสตร์การปลูกผม จึงเป็นศาสตร์การแพทย์มาแรงที่จะมองข้ามไปไม่ได้เลย

ขณะเดียวกัน การปลูกผม ก็ไม่เพียงต้องการทักษะทางการแพทย์อย่างเดียว แต่ยังต้องการมุมมองเชิงศิลป์ หรือความเข้าใจในเรื่องของความงามเข้ามาร่วมด้วย เนื่องจากเส้นผมมีความเกี่ยวเนื่องกับรูปลักษณ์ของเราทุกคน และรูปลักษณ์ที่ว่านี้ ก็มีความหมายและความสำคัญในฐานะเครื่องสะท้อนบุคลิกภาพ ตัวตน ไปจนถึงการได้รับการยอมรับในสังคม ซึ่งเกี่ยวข้องกับผลลัพธ์ด้านจิตใจ ไม่ว่าจะเป็นความมั่นใจ ความภูมิใจ หรือความสุขจากภายในด้วย 

การรักษาภาวะผมร่วงและผมบาง จึงไม่เพียงเป็นการรักษาอาการผิดปกติของเส้นผมและหนังศีรษะเท่านั้น แต่ยังเป็นศิลปะในการเสริมรูปลักษณ์ที่ชวนให้เจ้าของเส้นผมเกิดความมั่นใจมากยิ่งขึ้น บนพื้นฐานของสุนทรียศาสตร์ด้านความงามนั่นเอง



ความต้องการของคนไข้
หัวใจของการรักษา

ในการให้บริการปลูกผมนั้น นามนินจะยึดหลักคนไข้เป็นศูนย์กลางเสมอ ซึ่งคนไข้จะสัมผัสได้ตั้งแต่วันแรกที่เข้ามาพูดคุยปรึกษากับแพทย์ โดยแพทย์จะรับฟังปัญหาและเสียงความต้องการของคนไข้ เพื่อวางแผนการรักษาให้ตอบโจทย์คนไข้ และตอบโจทย์วิชาการด้านการแพทย์ไปพร้อม ๆ กัน 

ที่สำคัญ แพทย์ยังเข้าใจเป็นอย่างดีว่า คนไข้แต่ละคนมีรูปแบบปัญหาและความต้องการที่แตกต่างกัน ซึ่งไม่สามารถใช้สูตรสำเร็จในการรักษาได้ ตรงกันข้าม แพทย์จะต้องออกแบบแนวทางการรักษาแบบ tailor-made เคสใหม่ คิดใหม่ ไม่มีซ้ำ เพื่อให้เหมาะสมกับสภาพปัญหาของคนไข้ และดูแลได้อย่างตรงจุดมากที่สุด

และสำหรับคนไข้ที่จำเป็นต้องปลูกผมบริเวณหน้าผาก แพทย์จะเป็นผู้ออกแบบและวาดแนว Hairline หรือกรอบหน้าให้ใหม่ โดยอิงหลัก Golden Ratio หรือสัดส่วนทองคำของใบหน้า ซึ่งเป็นจุดที่แพทย์จะต้องใช้ศิลปะในการปรับหรือเสริมมิติความงามให้กับรูปหน้าคนไข้ เพื่อเปลี่ยนให้มีความหวานละมุน หรือคมเข้มสมาร์ทยิ่งกว่าเดิม รวมทั้งเพิ่มความอ่อนเยาว์ให้คนไข้ เหมือนได้ย้อนวัยอีกครั้งด้วย




ผมต้นทุน
อีกหนึ่งตัวแปรสำคัญ

หลายคนยังเข้าใจผิดว่า ไม่ว่าอาการผมบางหรือผมล้านจะรุนแรงแค่ไหน การปลูกผมก็ช่วยได้แบบ 100% หรือเข้าใจไปว่าเราสามารถปลูกผมซ้ำได้บ่อย ๆ แต่ทราบหรือไม่ว่า ความท้าทายข้อหนึ่งของการปลูกผมใหม่ ก็คือการที่คนไข้ต้องใช้ “ผมต้นทุน” จากพื้นที่ Safe Zone ด้านหลังท้ายทอยของตัวเองเท่านั้น ไม่สามารถใช้ผมของคนอื่นได้ และไม่สามารถใช้ผมจากบริเวณอื่น เนื่องจากผมต้นทุนบริเวณ Safe Zone เป็นจุดเดียวที่มีคุณสมบัติต้านทานฮอร์โมน DHT ที่เป็นตัวการสำคัญทำให้ผมอ่อนแอและหลุดร่วงก่อนเวลาอันควร 

ไม่เพียงเท่านั้น แต่ละคนยังมีจำนวนเส้นผมต่อ 1 กราฟต์ผมไม่เท่ากัน “กราฟต์ผม” ในที่นี้หมายถึงกอผมที่เส้นผมมาอยู่รวมกันตั้งแต่ 1-4 เส้น ซึ่งบางคนอาจมีเส้นผมเพียง 1-2 เส้นต่อกราฟต์ ไม่หนาแน่นเหมือนคนอื่น ๆ

นั่นหมายความว่า เราทุกคนมีปริมาณผมต้นทุนอยู่เพียงจำกัด และอาจปลูกซ้ำได้ไม่เกิน 1-2 ครั้งเท่านั้น ขณะเดียวกัน ในกรณีคนไข้เข้าสู่ภาวะผมล้านที่กินพื้นที่เป็นบริเวณกว้างเนื่องจากไม่ได้รีบมารักษาตั้งแต่เนิ่น ๆ  ก็ไม่แน่ว่าจะเหลือผมต้นทุนในปริมาณเพียงพอที่จะปลูกใหม่ได้ครอบคลุมทั้งหมด 

ตรงนี้เอง แพทย์ผู้ชำนาญจะเข้ามามีบทบาทสำคัญ ในการทำหน้าที่วิเคราะห์สภาพปัญหาผมร่วงผมบางว่ารุนแรงแค่ไหน ต้องใช้กราฟต์ผมต้นทุนจำนวนเท่าไหร่ในการปลูกใหม่ รวมถึงประเมินผมต้นทุนที่คนไข้มี ว่าเพียงพอหรือไม่ และควรจะบริหารจัดการอย่างไรให้เหมาะสม ซึ่งแพทย์จะเป็นผู้คำนวณปริมาณผมต้นทุนที่จะเจาะย้ายออกให้คุ้มค่ามากที่สุด 

โดยแพทย์ต้องคำนึงว่า เมื่อเจาะย้ายกราฟต์ผมต้นทุนออกมาแล้ว จะต้องแก้ปัญหาพื้นที่ที่มีอาการผมบางได้อย่างครอบคลุม ขณะเดียวกัน ด้านหลังท้ายทอยก็ยังต้องเหลือเส้นผมอยู่หนาแน่นเพียงพอที่คนไข้จะไม่ต้องคอยระวังปกปิดร่องรอยการหายไปของเส้นผม ซึ่งแพทย์ของนามนินได้พัฒนาเทคนิคแบบขั้นบันได เพื่อกระจายจุดที่จะต้องเจาะย้ายออกให้เว้นระยะห่างกันเป็นแถบ ๆ เทคนิคนี้จะทำให้คนไข้ไม่ต้องกังวลกับผมด้านหลัง และสามารถจัดแต่งทรงผมได้อย่างอิสระตามต้องการ



ปลูกผมด้วยแพทย์
ตัวจริงเสียงจริง

และในขั้นตอนสำคัญที่สุด ก็คือการลงมือปลูกผมนั้น  แน่นอนว่า ไม่มีใครสามารถทำหน้าที่นี้ได้ดีเท่าแพทย์ผู้ชำนาญ เพราะต้องใช้ทักษะทางการแพทย์ บวกกับศิลปะในการปักกราฟต์ผม ผสานกับความประณีต ละเอียดอ่อน และใส่ใจอย่างที่สุดในทุก ๆ ขั้น ไม่ว่าจะเป็นการคัดเลือกและตัดแต่งกราฟต์ผมที่ย้ายออกจากด้านหลังท้ายทอย ให้มีขนาด ความหนาบาง และความโค้งของเส้นผมเหมาะกับพื้นที่ที่จะปลูกใหม่ การปักกราฟต์ผมโดยคำนึงถึงทิศทางและองศาของเส้นผมเดิม เพื่อความกลมกลืนเป็นธรรมชาติ ไม่ชี้ผิดทิศผิดทางหลังจากปลูกไปแล้ว ซึ่งไม่สามารถย้อนกลับมาแก้ไขได้อีก

แพทย์ยังต้องเฉลี่ยกราฟต์ผมให้ปลูกได้อย่างครอบคลุม ทั่วถึง สามารถคืนความหนาแน่นให้พื้นที่ที่มีปัญหาผมบางได้ ขณะเดียวกันก็ไม่แน่นเบียดกันเกินไปจนเสี่ยงต่อการหลุดร่วงของกราฟต์ผม นอกจากนั้น ยังต้องระวังระยะความลึกในการปักกราฟต์ให้พอดี เพื่อให้เส้นเลือดสามารถลำเลียงอาหารมาหล่อเลี้ยงการเจริญเติบโตของเส้นผมได้อย่างเต็มที่

ที่สำคัญ แพทย์ของนามนินจะเป็นผู้ลงมือปลูกผมให้คนไข้ ตั้งแต่กราฟต์แรก ไปจนถึงกราฟต์สุดท้ายด้วยตัวเองทั้งหมด คนไข้จึงวางใจได้ในความใส่ใจทุก ๆ กราฟต์ ระดับเส้นต่อเส้นจริง ๆ



ดูแลหลังปลูก
ตลอด 1 ปีเต็ม

การเดินทางของแพทย์และคนไข้ยังไม่สิ้นสุด เพราะหลังทำหัตถการปลูกผมเสร็จเรียบร้อยแล้ว เส้นผมของเราจะค่อย ๆ ฝังตัวมั่นคงในชั้นหนังศีรษะและเติบโตตามวงจรชีวิตของเส้นผมอย่างสมบูรณ์ ซึ่งต้องใช้เวลาถึง 1 ปี แพทย์จึงยังคอยดูแลติดตามผลและให้คำปรึกษาอย่างต่อเนื่อง ตลอด 1 ปีเต็ม 

พร้อมกันนั้นก็เตรียมคัดสรรผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดและบำรุงผมต่าง ๆ ที่ทั้งอ่อนโยนกับเส้นผมและหนังศีรษะ รวมถึงช่วยดูแลเสริมเกราะป้องกันให้เส้นผมแข็งแรงจากภายใน ไม่เพียงเท่านั้น ยังเตรียมบริการ Treatment รูปแบบต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นแบบฉีดบำรุง หรือแบบฉายแสง Low Light บริเวณหนังศีรษะโดยตรง เพื่อช่วยลดการหลุดร่วงของเส้นผม และกระตุ้นการทำงานของรากผมลึกถึงระดับเซลล์ ภายใต้การดูแลแนะนำของแพทย์อย่างใกล้ชิด


ทั้งทักษะความสามารถของแพทย์ผู้ชำนาญ รวมถึงความใส่ใจตั้งแต่กราฟต์ผมแรกไปจนถึงกราฟต์ผมสุดท้าย จึงเป็นปัจจัยที่ทำให้หัตถการปลูกผมของนามนินประสบความสำเร็จ โดยยึดเอาความสุขของคนไข้เจ้าของเส้นผมเป็นหลักอันดับหนึ่งเสมอมา


“นามนิน” เติมเต็มเส้นผม เติมเต็มหัวใจ
“เส้นผม” เส้นเล็กๆเบาๆ แต่กลับมีอิทธิพลต่อทั้งร่างกายและจิตใจของเราได้อย่างไม่น่าเชื่อ โดยเฉพาะผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับเส้นผม เช่น ผมร่วง ผมบาง หน้าผากกว้าง ซึ่งปัญหาเหล่านี้ส่งผลต่อสุขภาพจิตอย่างมาก เริ่มด้วยความวิตกกังวลในบุคลิกภาพของตนเอง กลัวจะดูแก่กว่าวัย ดูสุขภาพไม่แข็งแรง สะท้อนถึงความละเลยในการดูแลตนเอง จนกลายเป็นสูญเสียความมั่นใจ และอาจทำให้พลาดโอกาสดีๆในชีวิตไป




       การแก้ปัญหาผมร่วง ผมบาง มีอยู่หลายวิธี แต่การปลูกผมเป็นทางออกที่ถาวรที่สุด และก็เป็นทางออกที่ต้องพิจารณาเลือกให้ดีที่สุดด้วยเช่นกัน เพราะการตัดสินใจปลูกผมครั้งแรกนั้นจะเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในชีวิต อาจจะมีคำถามว่าทำไมถึงดูเป็นเรื่องซีเรียสขนาดนั้น เราจึงรวบรวมหลักการและข้อจำกัดของการปลูกผมมาให้ลองพิจารณากันในบทความนี้ แล้วจะได้คำตอบค่ะ ว่าต้องซีเรียสเพราะอะไร

การปลูกผมถาวรมีหลักการสำคัญคือ ต้องใช้ผมของตนเองมาปลูกและต้องเป็นผมจากบริเวณท้ายทอยด้านหลังหรือที่เรียกกันว่า Safe Zone เท่านั้น เพราะผมบริเวณนี้เป็นจุดเดียวที่แข็งแรง มีความทนทานต่อฮอร์โมนที่ทำให้ผมร่วง โดยเฉพาะในเพศชายที่มักพบปัญหาผมร่วงผมบางจากกรรมพันธุ์ ซึ่งมีข้อจำกัดคือ หากเจาะนำกราฟต์ผมออกมาแล้ว ผมจุดนั้นจะไม่ขึ้นมาใหม่อีก อธิบายให้เข้าใจง่ายๆคือ “ใช้แล้วหมดไป” ผมต้นทุนทุกเส้นจึงเป็นทรัพยากรทรงคุณค่าที่แพทย์ต้องบริหารให้คุ้มค่าที่สุดค่ะ




       ดังนั้น หากเกิดความผิดพลาดขึ้นในการปลูกผมครั้งแรก เช่น ปลูกผมผิดทิศทางจากผมเดิม ซึ่งเป็นปัญหาที่ร้ายแรงที่สุด เพราะแก้ไขไม่ได้ คุณต้องอยู่กับเส้นผมที่ไร้ทิศทางนั้นไปตลอดชีวิตค่ะ แต่หากไม่โชคร้ายขนาดนั้น ก็อาจจะผิดพลาดตรงเส้นผมใหม่ที่ปลูกไม่หนาแน่น ปลูกผมไม่ขึ้น หรือมีรอยแผลเป็นที่ต้องคอยปกปิดจากการย้ายผมด้านหลังอย่างไม่ระมัดระวัง หากโชคดีขึ้นมาอีกนิดอาจพบความผิดพลาดสถานเบาที่สุดคือ ปลูกผมออกมาแล้วผลลัพธ์ไม่เป็นอย่างที่คิดไว้ แต่เชื่อเถอะค่ะ ไม่มีใครอยากเจอปัญหาไม่ว่าจะหนักหรือเบาแบบนี้แน่นอน เพราะการปลูกผมเพื่อแก้ไขนั้นยากที่จะได้ผลลัพธ์ที่ดีอย่างที่ต้องการ เพราะมีข้อจำกัดเรื่องต้นทุนผมที่เหลือน้อยลงนั่นเองค่ะ

การแก้ปัญหาผมร่วงผมบางที่ดีที่สุดคือ เริ่มต้นด้วยการปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง เพราะปัญหาเส้นผมเป็นเรื่องละเอียดอ่อน โดยเฉพาะการปลูกผมที่เป็นศาสตร์ขั้นสูงเกินกว่าที่คนเราทั่วไปจะเข้าใจและแก้ปัญหาเองแบบง่ายๆได้


เมื่อเริ่มต้นได้ถูกทางแล้ว ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า เรื่องค่าใช้จ่ายเป็นเหตุผลสำคัญที่มีผลต่อการตัดสินใจ แต่หากการตัดสินใจนั้นมาจากการพิจารณาเรื่องค่าใช้จ่ายเพียงอย่างเดียว สิ่งที่ได้อาจจะไม่เป็นอย่างที่คาดหวัง เพราะคำว่า “ราคาคุ้มค่า” ไม่ได้หมายความว่า “ราคาถูก” เสมอไป โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ราคาที่คุ้มค่าของการปลูกผมนั้นหมายถึงคุณภาพในการให้บริการ ความเชี่ยวชาญของแพทย์ การดูแลที่จะมอบความมั่นใจ สบายใจ และความอุ่นใจให้กับผู้รับบริการ และสำคัญที่สุดคือ เส้นผมใหม่ที่จะอยู่กับคุณและเปลี่ยนแปลงชีวิตคุณไปตลอด ดังนั้น หากใช้เกณฑ์เรื่องราคาในการตัดสินใจ ขอให้ตัดสินใจบนพื้นฐานของคำว่า “ราคาสมเหตุสมผล” จะเห็นภาพได้ชัดเจนขึ้นค่ะ




การปลูกผมเป็นการลงทุนครั้งสำคัญ มีเดิมพันด้วย “เส้นผมใหม่” ที่จะเปลี่ยนแปลงชีวิตของคุณไปตลอดกาล ทีมแพทย์ของ “นามนิน” พร้อมให้คุณได้ก้าวเข้ามาสัมผัสกับประสบการณ์ใหม่ของการปลูกผม ด้วยมาตรฐานและเทคนิคขั้นสูงที่เป็นเอกสิทธิ์เฉพาะของนามนิน เราจะนำความมั่นใจที่คุณเคยสูญเสียไปกลับมาให้มากยิ่งกว่าเดิม คุณจะสัมผัสกับความสุขได้มากกว่าที่เคย และเปิดโอกาสใหม่ๆ ให้ชีวิตได้เปล่งประกายด้วยตัวของคุณเอง

           ปลูกผมที่นามนิน นอกจากได้เส้นผมใหม่แล้ว ยังได้กำไรเป็นความสุขในการชีวิต ที่รับรองว่าคุ้มค่าการลงทุนแน่นอนค่ะ          

5 เส้นทางฟื้นฟูผม
...คำตอบไม่ได้มีเพียงหนึ่ง แต่มีถึง 5... เพราะนามนินรู้ใจคนรักผมเช่นคุณ จึงออกแบบเส้นทางฟื้นฟูสู่ผมสุขภาพดี ไว้เป็นตัวเลือกสำหรับคุณถึง 5 เส้นทาง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สำหรับใครที่กำลังเผชิญกับปัญหาผมร่วง ผมบาง จนเป็นกังวลและหมดความมั่นใจทุกครั้งที่ต้องออกไปพบปะผู้คน รวมไปถึงใครที่ต้องการบำรุงผมให้กลับมาแข็งแรงจากภายใน นี่คือเส้นทางเปลี่ยนคุณเป็นคนใหม่ ภายใต้การดูแลของแพทย์ผู้ชำนาญด้านเส้นผมตัวจริง ...แล้วเส้นทางสายไหนกันนะ ที่ตอบโจทย์ปัญหาผมของคุณมากที่สุด...

ถ้าคุณคือคนหนึ่งที่อยากจบปัญหาผมร่วง ผมบาง อย่างถาวร
นามนินแนะนำ : ปลูกผมเทคนิค NEAT

NEAT หรือ Namnin’s Exclusive Advanced Hair Transplant Technique คือเทคนิคการปลูกผมขั้นสูงเอกสิทธิ์เฉพาะของนามนิน ที่แพทย์ผู้ชำนาญด้านเส้นผมออกแบบและพัฒนาขึ้นเพื่อแก้ปัญหาผมร่วงและผมบางแบบถาวร เริ่มตั้งแต่การพูดคุยเพื่อรับฟังปัญหาและความต้องการของคนไข้ วิเคราะห์และคำนวณจำนวนกราฟต์ผมต้นทุนคุณภาพดีที่จะเจาะย้ายออกจากบริเวณด้านหลังท้ายทอย มาปลูกใหม่ให้เหมาะสมกับพื้นที่ที่มีปัญหาผมร่วงและผมบาง รวมถึงออกแบบ Hairline หรือกรอบหน้าใหม่ตามหลัก Golden Ratio หรือสัดส่วนทองคำ เพื่อเสริมให้ใบหน้าได้รูปและปรับลุคให้ดูอ่อนเยาว์มากยิ่งขึ้น


เทคนิค NEAT คือเทคนิคที่เพิ่มความใส่ใจในทุกขั้นตอน ไม่ว่าจะเป็นการเจาะย้ายกราฟต์ผมต้นทุนออกจากด้านหลังท้ายทอยโดยไม่ต้องโกนผม แต่อาศัยเครื่องมือขนาดเล็ก และเสริมด้วยเทคนิคซ่อนแผลแบบขั้นบันได เพื่อให้คนไข้ไม่ต้องคอยปกปิดรอยแผลด้านหลัง ก่อนจะนำกราฟต์ผมที่ได้มาคัดตัดแต่งและแช่ในน้ำยารักษาสภาพผม เพื่อให้พร้อมสำหรับการนำไปปลูกใหม่

ที่สำคัญ แพทย์ผู้ชำนาญจะเป็นผู้ลงมือปลูกผมใหม่ให้กับคนไข้เองด้วยความละเอียดแบบเส้นต่อเส้น โดยเลือกขนาด ความหนาบาง และองศาความโค้งของเส้นผมที่เหมาะสม ค่อย ๆ ปักกราฟต์ลงอย่างประณีตและแม่นยำทีละเส้นด้วย Implanter ขนาดเล็กพิเศษเพียง 0.6 มิลลิเมตร โดยคำนึงถึงทิศทางองศาที่กลมกลืนไปกับผมเดิม ระยะความลึกที่พอดี และความหนาแน่นที่ไม่มากหรือน้อยเกินไป เพื่อให้เส้นผมใหม่สามารถเจริญเติบโตต่อเนื่องโดยไม่หลุดร่วงง่าย แลดูหนาแน่นอย่างเป็นธรรมชาติ พร้อมทั้งมอบบริการดูแลหลังปลูกผมตลอด 1 ปีเต็ม เพื่อผลลัพธ์ผมใหม่ที่สมบูรณ์แบบ

ถ้าคุณส่องกระจกแล้วพบว่าผมเริ่มบาง แต่ยังไม่อยากปลูกผม
นามนินแนะนำ: Premium Hair Booster Treatment 


นี่คือ Booster เสริมพลังการฟื้นฟูเส้นผมที่พัฒนาโดยแพทย์ผู้ชำนาญของนามนิน โดดเด่นด้วยการดึงเอาคุณประโยชน์ของ Exosome ซึ่งเป็นสารชีวโมเลกุลนับพันชนิดและโปรตีนอีกหลายประเภทที่แยกออกมาจากสเต็มเซลล์หรือเซลล์ต้นกำเนิด ขนาดอนุภาคเล็กระดับนาโน มาช่วยกระตุ้นการทำงานของเซลล์รากผมจากภายใน ให้เกิดการซ่อมแซมตัวเอง และสามารถสร้างเซลล์ผมใหม่ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ 

Booster ตัวท็อปนี้ยังมาพร้อมกับวิตามินสูตรเฉพาะของนามนิน ที่จะช่วยคืนความแข็งแรงให้กับเส้นผม และลดอาการหลุดร่วงของเส้นผม จึงเป็นนวัตกรรมที่เหมาะกับผู้ที่เพิ่งมีปัญหาผมบางในระยะเริ่มต้น และยังไม่ต้องการเข้ารับบริการปลูกผมแบบถาวร ก็สามารถบูสต์ผมสุขภาพดีได้ด้วยวิธีการที่สะดวกสบายเพียงใช้การฉีดเข้าสู่บริเวณหนังศีรษะในจุดที่มีปัญหาผมร่วงและผมบาง ไม่ทิ้งรอยแผล ไม่ต้องพักฟื้น และยังมีความปลอดภัยสูง ไม่มีผลข้างเคียงหลังการฉีด

Premium Hair Booster Treatment มาพร้อมผลลัพธ์ที่คุณต้องร้องว้าว!! เพราะไม่เพียงฟื้นคืนความแข็งแรงให้กับเส้นผมที่เคยอ่อนแอขาดการบำรุง และช่วยให้ผมดกดำ เงางาม ดูสุขภาพดีเท่านั้น แต่ยังสามารถเห็นผลได้ชัดเจนตั้งแต่การรับบริการครั้งแรก นั่นคือลดอาการผมขาดหลุดร่วงลงภายใน 3-7 วัน จากนั้น สามารถสังเกตเห็นการงอกขึ้นใหม่ของเส้นผมได้ภายใน 1-3 เดือน ทั้งยังช่วยให้เส้นผมมีขนาดใหญ่ขึ้น แลดูหนาแน่นขึ้นภายใน 2-4 เดือน


ถ้าคุณอยากอัพเลเวลความมั่นใจ ด้วยการปกปิดผมขาวอย่างแนบเนียน
นามนินแนะนำ: Namnin Natural Hair Color Treatment

ผมขาว อาจทำให้หลาย ๆ คนหมดความมั่นใจทั้งในด้านของรูปลักษณ์ บุคลิกภาพ และความอ่อนเยาว์ พร้อมแล้วหรือยังที่จะเรียกคืนความมั่นใจเหล่านั้นกลับมาใหม่ ด้วยโปรแกรมปิดผมขาวจากสารสกัดธรรมชาติ 100% Namnin Natural Hair Color Treatment ซึ่งพัฒนาโดยแพทย์ผู้ชำนาญด้านการดูแลเส้นผม เพื่อให้ได้สูตรที่มีความอ่อนโยน ปลอดภัย จากคุณค่าของธัญพืชและสมุนไพรกว่า 30 ชนิด ปราศจากแอมโมเนีย เฮนน่า และสารเคมีอันตรายที่อาจทำร้ายเส้นผมและหนังศีรษะ

นับ 1 2 3 สู่ผลลัพธ์การปกปิดผมขาวได้อย่างสมบูรณ์แบบได้ง่าย ๆ กับ Namnin Natural Hair Color Treatment เพียงเริ่มจากการย้อมผมด้วยสารบำรุงออร์แกนิก 100% สูตรผสมน้ำในขั้นตอนแรก ตามมาด้วยการสระทำความสะอาดเส้นผม ด้วยผลิตภัณฑ์แชมพูลดการหลุดร่วง ที่มีความอ่อนโยนต่อเส้นผมและหนังศีรษะ แล้วจึงเสริมการบำรุงอีกระดับด้วยผลิตภัณฑ์ Treatment เข้มข้น ที่นามนินคัดสรรมาเป็นอย่างดี เพื่อดูแลเส้นผมให้แข็งแรง เงางาม สุขภาพดี หมดกังวลเรื่องผมขาว และก้าวออกไปใช้ชีวิตในสไตล์ของคุณเองได้อย่างแท้จริง

ถ้าคุณอยากดูแลเส้นผมด้วยตัวเองที่บ้านอย่างง่าย ๆ แต่ได้ผลลัพธ์เต็มร้อย
นามนินแนะนำ: ผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมจากนามนิน

ดูแลผมให้ครบวงจร ด้วยผลิตภัณฑ์ระดับพรีเมียมที่นามนินเลือกสรรมาเป็นพิเศษเพื่อมอบการฟื้นฟูบำรุงให้เส้นผมและหนังศีรษะคุณอย่างต่อเนื่อง 


Shampoo Mojelim Elixir
ผลิตภัณฑ์แชมพูและครีมนวดผมจากโรงพยาบาลเฉพาะทางด้านเส้นผมของเกาหลี ทำความสะอาดผมอย่างล้ำลึก บำรุงเส้นผม และลดการหลุดร่วง พร้อมรักษาสมดุลความมันและความชุ่มชื้นให้หนังศีรษะ จึงเหมาะกับทั้งผู้ที่มีผมแห้งและผมมัน ที่สำคัญ ทุกส่วนผสมผ่านการทดสอบทางการแพทย์ที่ได้มาตรฐาน มีความปลอดภัย ไม่ก่อให้เกิดการระคายเคืองทางผิวหนัง 

Elixir Hair Serum by NEAT HAIR NUE
ผลิตภัณฑ์เซรั่มบำรุงเส้นผมให้เงางามสุขภาพดี ด้วยส่วนผสมจากธรรมชาติ 100% เช่น สารสกัดดอกอัญชัน หญ้าหางม้า เมล็ดข้าวสาลี และธูปฤาษี ช่วยลดการหลุดร่วง กระตุ้นการเกิดใหม่ของเส้นผม ทั้งยังลดการเกิดผมหงอกก่อนวัย

ถ้าคุณอยากบอกรักผม ด้วยพลังการฟื้นบำรุงขั้นสุด
นามนินแนะนำ: VITAH รวมคุณค่าวิตามินสูตรเฉพาะ


เมื่อแพทย์ผู้ชำนาญของนามนิน ลงมือค้นคว้าและคัดสรรตัวช่วยการบำรุงรากผมอย่างล้ำลึก จนกลายเป็น VITAH วิตามินรวมสูตรเฉพาะ ที่ผสานคุณค่าและประโยชน์จากสารอาหารผม พร้อมตรงเข้าดูแลเส้นผมและหนังศีรษะอย่างเต็มที่ ทั้งยังรวมเอาสารสกัดจากธรรมชาติแท้ ๆ เสริมทัพการบำรุงเพื่อคนรักผมเช่นคุณโดยเฉพาะ ไม่ว่าจะเป็น
  • Rice Bran and Cactus Extract
  • สารสกัดจากข้าวกล้องและผลกระบองเพชร ช่วยยับยั้งการผลิตฮอร์โมนโดยธรรมชาติ ลดความมัน การเกิดสิว และการอักเสบของหนังศีรษะ
  • D-Biotin 
  • ทำหน้าที่เสริมโครงสร้างเส้นผมให้แข็งแรง
  • Zinc Gluconate 
  • ช่วยซ่อมแซมเนื้อเยื่อเส้นผม และเสริมสร้างการเจริญเติบโต
  • Iron Amino Acid Chelate 
  • ลดการหลุดร่วง และช่วยให้รากผมแข็งแรง
  • Vitamin B Premix 
  • บำรุงเส้นผมให้กลับสู่ภาวะสุขภาพดี


และนี่ก็คือ 5 เส้นทางพื้นฟูผมสุขภาพดี ซึ่งคุณสามารถเข้ามาปรึกษากับแพทย์ผู้ชำนาญของนามนิน เพื่อตัดสินใจเลือกบริการที่ตอบโจทย์ปัญหาและความต้องการในการดูแลเส้นผมได้อย่างตรงจุด 

ปลูกผมให้ได้ผล เริ่มต้นที่นี่
ปลูกผมให้ได้ผล เริ่มต้นที่นี่

...จะตัดสินใจ “ปลูกผม” ดีมั้ย...
...อยาก “ปลูกผม” จะเริ่มต้นอย่างไรดี...

สำหรับใครที่กำลังหาคำตอบให้กับคำถามเหล่านี้ เราขอชวนมา “เริ่มต้น” เส้นทางสู่ผลลัพธ์ผมสวย หนาแน่น สุขภาพดีไปด้วยกัน คือเริ่มจากการทำความรู้จักกับการปลูกผมให้มากขึ้นอีกนิด เพื่อให้พอเห็นภาพของขั้นตอนต่าง ๆ ชัดเจนยิ่งขึ้น และเข้าใจถึงข้อจำกัด รวมถึงปัจจัยที่จะทำให้การปลูกผมประสบความสำเร็จ ที่สำคัญ จะได้เห็นแนวทางว่า ทั้งเจ้าของเส้นผมและคุณหมอ จะทำงานร่วมกันในภารกิจการปลูกผมเพื่อเปลี่ยนคุณเป็นคนใหม่ครั้งนี้อย่างไร 

แน่นอนว่าข้อมูลพื้นฐานเหล่านี้ จะช่วยให้คุณตัดสินใจเข้ารับการปลูกผมใหม่ หรือเลือกแนวทางการปลูกได้อย่างมั่นใจและตอบโจทย์มากขึ้น


1
“ปลูกผม” ปลูกอย่างไร?

อย่าเพิ่งถามคำถามข้อต่อไป ถ้าคุณยังไม่เข้าใจหลักการเบื้องต้นง่าย ๆ ของการปลูกผม เป็นต้นว่า การปลูกผมนั้นจะใช้ผมของเราเองจากบริเวณด้านหลังท้ายทอย ย้ายมาปลูกในบริเวณที่มีปัญหา ...มาลองสำรวจรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ เหล่านี้กันอีกครั้ง ซึ่งจะช่วยให้เราเข้าใจโจทย์ความท้าทายของการปลูกผมในคนไข้แต่ละเคสมากขึ้น และเข้าใจด้วยว่า ทำไมคุณจึงต้องการแพทย์ผู้ชำนาญคอยให้คำปรึกษาตั้งแต่ก้าวแรก


  • ต้องเป็นผมจากด้านหลังท้ายทอยเท่านั้น
เพราะผมด้านหลังท้ายทอย เป็นผมต้นทุนที่เรียกได้ว่าแข็งแรงและทนทานต่อการหลุดร่วงมากที่สุด เนื่องจากมีคุณสมบัติในการต้านฮอร์โมน DHT ที่ทำให้รากผมอ่อนแอและหลุดร่วงง่าย ซึ่งแม้จะย้ายผมเหล่านี้ไปปลูกในพื้นที่ใหม่ แต่คุณสมบัติความแข็งแรงนี้จะยังอยู่กับเส้นผมไปจนตลอดชีวิต

  • ผมต้นทุนมีอยู่ในปริมาณที่จำกัด 
นี่เป็นโจทย์ข้อใหญ่ทีเดียว เพราะผมต้นทุนไม่ได้มีโปรโมชั่น unlimited ที่จะดึงออกมาใช้เท่าไหร่ก็ได้ไม่มีวันหมด และยิ่งอายุมากขึ้น ผมต้นทุนที่มีคุณภาพดีเพียงพอก็อาจมีจำนวนน้อยลงตามไปด้วย ซึ่งแต่ละเคสก็มาด้วยระดับความรุนแรงของปัญหาที่ต่างกัน บางคนเพิ่งเริ่มมีอาการผมบาง บางคนเริ่มเข้าสู่ภาวะผมล้านและต้องการผมต้นทุนมาปลูกใหม่ในปริมาณที่มากกว่า ขณะที่ในบางเคส คุณหมออาจต้องช่วยวางแผนระยะยาวเผื่อในกรณีต้องนำผมต้นทุนมาปลูกซ้ำเป็นครั้งที่ 2 ด้วย

ดังนั้น การวิเคราะห์ผมต้นทุนจึงต้องผ่านการคำนวณเพื่อนำมาใช้ในปริมาณที่เหมาะสมและคุ้มค่ามากที่สุดนั่นเอง

  • 3 ขั้นตอนการปลูกผมแบบเข้าใจง่าย
ในห้องหัตถการนั้น ขั้นแรก หลังจากวิเคราะห์สภาพปัญหาและคำนวณปริมาณผมต้นทุนที่ต้องใช้แล้ว จะเป็นการเจาะนำกราฟต์ผมต้นทุนออกจากด้านหลังท้ายทอย โดยกราฟต์ผม หมายถึงกอผมที่มีผมอยู่รวมกันตั้งแต่ 1 – 4 เส้น 


และเมื่อได้กราฟต์ผมมาแล้ว จะต้องผ่านการตรวจสอบ คัดแยก ตัดแต่ง เพื่อให้ได้กราฟต์ผมที่เหมาะสำหรับพื้นที่ปลูก เพราะบริเวณแนวไรผมต้องการผมเส้นเล็กและบางกว่า ส่วนบริเวณกลางศีรษะก็ต้องการผมเส้นใหญ่และหนากว่า จึงจะดูเป็นธรรมชาติ

ขั้นตอนสุดท้าย คือการนำกราฟต์ผมที่แช่น้ำยาคงสภาพไว้ มาปักลงบนพื้นที่ที่เป็นปัญหา ทีละเส้น ๆ โดยคุณหมอจะพิถีพิถันในการจัดเรียงกราฟต์ผมให้เนียนสวย เพื่อให้แนวผมใหม่กับผมเก่ากลมกลืนดูเป็นธรรมชาติ ไม่ชี้ผิดทิศผิดทาง สามารถจัดแต่งทรงผมทุกสไตล์ได้อย่างมั่นใจเต็มที่


2
เพราะ “เทคนิค” ที่แตกต่าง เท่ากับผลลัพธ์ที่แตกต่าง

ที่นามนิน คุณหมอพัฒนาเทคนิคการปลูกผมขั้นสูงเอกสิทธิ์เฉพาะของนามนินขึ้น ภายใต้ชื่อ N /E /A /T หรือ Namnin’s Exclusive Advanced Hair Transplant Technique ซึ่งแต่ละตัวอักษร มีความหมายที่บ่งบอกถึงความชำนาญของคุณหมอและความโดดเด่นไม่เหมือนใครของแนวทางการปลูกผมที่นี่ 


หมายถึง ประสบการณ์และความชำนาญด้านการปลูกผมโดยเฉพาะของแพทย์ ซึ่งคุณหมอนินไม่เคยหยุดเติมเต็มความรู้ด้านการปลูกผมเพื่อพัฒนาตนเองให้ก้าวทันวิทยาการต่าง ๆ มากขึ้น ที่สำคัญ คุณหมอนินจะเป็นผู้ลงมือปลูกผมใหม่ให้คนไข้ด้วยตัวเองแบบเส้นต่อเส้น และดูแลติดตามผลอย่างใกล้ชิดตลอด 1 ปีเต็ม

หมายถึง การออกแบบแนวทางการรักษาแบบ Exclusive เฉพาะบุคคล เคสใหม่ คิดใหม่ ไม่มีซ้ำ ด้วยความเข้าใจอย่างแท้จริงว่า คนไข้แต่ละคนมีปัญหา ข้อจำกัด และความต้องการที่ต่างกัน การปลูกผมจึงไม่มีสูตรสำเร็จ แต่ต้อง Tailor-made ให้ตอบโจทย์แต่ละคนได้ตรงจุดที่สุด

หมายถึง คุณภาพการปลูกผมมาตรฐานระดับสากล ที่คุณมั่นใจได้ในความปลอดภัย และความพิถีพิถันในการรักษา ซึ่งคุณหมอและคนไข้จะทำงานร่วมกันเป็นทีมเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

​T 
หมายถึง เทคนิคการปลูกผมที่คุณหมอเลือกนำมาใช้ และพัฒนาต่อยอดให้ตอบโจทย์ความงามและความสะดวกสบายของคนไข้ยิ่งขึ้นไปอีก ไม่ว่าจะเป็น
เทคนิคการออกแบบกรอบหน้าใหม่ตามหลัก Golden Ratio หรือสัดส่วนทองคำของใบหน้า 
เทคนิคการเจาะนำผมด้านหลังท้ายทอยออกแบบขั้นบันไดโดยไม่ต้องโกนผม ทั้งยังซ่อนแผลได้เนียนกริบจนแทบไม่ต้องปกปิด 
เทคนิคการปลูกผมแทรก ซึ่งคุณหมอจะลงมือปักกราฟต์ผมใหม่ให้เองทุกเส้น โดยคำนึงถึงขนาด ความหนาบาง ความโค้งของเส้นผม รวมถึงองศาและทิศทางการเรียงตัว เพื่อให้ผมใหม่กลมกลืนไปกับผมเดิมอย่างเป็นธรรมชาติ

ทั้งยังรวมถึงการเลือกนำเข้าอุปกรณ์ปลูกผมชั้นนำจากต่างประเทศ ที่มีขนาดเล็กพิเศษเพียง 0.6 มิลลิเมตร ช่วยเพิ่มความแม่นยำ และทิ้งไว้เพียงรอยแผลเล็ก ๆ จนคุณไม่จำเป็นต้องพักฟื้น สามารถลุกขึ้นทำกิจวัตรประจำวันได้ตามปกติหลังปลูกทันที


3
ปลูกผมใหม่ ทำไมต้อง “ดูแล 1 ปีเต็ม”


การปลูกผมใหม่ อาจเป็นเหมือนทางลัดในการนำวิทยาการทางการแพทย์มาช่วยเติมเต็มผมให้หนาแน่นขึ้นได้จริง แต่อย่างไรก็ตาม เส้นผมยังคงต้องเติบโตตามธรรมชาติอย่างค่อยเป็นค่อยไป ซึ่งนั่นหมายถึงระยะเวลา 18 เดือน ผมจึงจะขึ้นและงอกยาวอย่างสมบูรณ์

นามนินจึงออกแบบการดูแลติดตามผลต่อเนื่องตลอด 1 ปีเต็ม โดยคุณหมอจะให้คำแนะนำ และคอยตอบคำถามเพื่อให้คนไข้คลายความกังวลใจ พร้อมทั้งนัดเข้ามาตรวจเช็คอย่างสม่ำเสมอ ในระยะสำคัญต่าง ๆ ดังต่อไปนี้

  • ช่วงเข้าสัปดาห์ที่ 2 หลังการปลูกผม ซึ่งจะสังเกตเห็นตอผมสั้น ๆ ประมาณ 2 – 4 มิลลิเมตร
  • หลังปลูกผม 2 สัปดาห์หรือ 1 เดือน เส้นผมที่งอกใหม่จะหลุดร่วงไปตามวงจรเส้นผมปกติ 
  • เดือนที่ 4 – 6 เส้นผมจะเริ่มงอกใหม่อีกครั้ง และเจริญเติบโตอย่างต่อเนื่อง
  • เดือนที่ 9 เส้นผมเพิ่มจำนวนและเติบโตแข็งแรงจนแลดูเป็นธรรมชาติ
  • เมื่อครบ 1 ปี เส้นผมหนาแน่นและเติบโตเต็มที่

ที่สำคัญ คุณหมอจะคัดเลือกผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมหลังปลูกให้เป็นพิเศษ เพื่อให้คนไข้สามารถกลับไปดูแลตัวเองที่บ้านได้ง่าย ๆ และแนะนำการรับประทานยาสำหรับผู้ที่มีภาวะผมบางจากพันธุกรรม รวมถึงจัดเตรียมโปรแกรม Treatment เพื่อบำรุงผมอย่างล้ำลึกในช่วงระยะการเติบโตของเส้นผมที่เหมาะสม ได้แก่ Low Level Laser Therapy ซึ่งเป็นนวัตกรรมฟื้นฟูเซลล์รากผมด้วยการฉายแสงกระตุ้น และ Hair Growth Treatment ที่ช่วยบำรุงผมจากภายในด้วย Growth Factor และวิตามินเข้มข้นสูตรของนามนินโดยเฉพาะ

4
“ความคุ้มค่า” ที่คุณคู่ควร

สุดท้ายแล้ว ตัวเลขราคาก็เป็นปัจจัยสำคัญในการตัดสินใจปลูกผมอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งนอกจากราคาแล้ว เราขอชวนให้คุณคำนึงถึง “ความคุ้มค่า” ด้วย เป็นต้นว่า บริการปลูกผมนี้ ดูแลโดยแพทย์และทีมสหวิชาชีพอย่างใกล้ชิดหรือไม่ แพทย์เป็นผู้ลงมือปลูกผมให้ทุกกราฟต์หรือเปล่า ที่สำคัญ ปัญหาผมของเราเองอยู่ในระดับที่รุนแรงมากน้อยแค่ไหน และแนวทางการแก้ปัญหาจากคุณหมอ มีความน่าเชื่อถือและตอบโจทย์ความต้องการของเราบนมาตรฐานการแพทย์ได้อย่างไร

 
ทั้งหมดนี้ คือรายละเอียดที่ไม่ควรมองข้าม สำหรับการไตร่ตรองเพื่อตัดสินใจปลูกผมครั้งหนึ่งในชีวิต เนื่องจากคนเราสามารถปลูกผมได้ไม่เกิน 1 – 3 ครั้งเท่านั้น ด้วยเหตุผลเกี่ยวกับระดับความรุนแรงของปัญหาผม และจำนวนกราฟต์ผมต้นทุนที่มีจำกัดอย่างที่ได้อธิบายไปช่วงต้น ไม่เพียงเท่านั้น จุดละเอียดอ่อนเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็อาจกลายเป็นปัญหาใหญ่ได้ เช่นการปักกราฟต์ผมแน่นชิดกันเกินไป อาจเป็นสาเหตุให้กราฟต์ผมหลุดได้ง่ายขึ้น หรือหากไม่มีความประณีตมากพอในการปักกราฟต์ผมตามทิศทางผมเดิม กว่าจะรู้ตัวว่าผมชี้ผิดทิศทางไม่เป็นธรรมชาติ ก็เมื่อผมยาวขึ้นประมาณหนึ่งแล้ว และจะไม่สามารถแก้ไขได้อีกต่อไป

ดังนั้น ถ้าลองทำความเข้าใจข้อมูลเหล่านี้เรียบร้อยแล้ว ขั้นต่อไปก็ควรเป็นการเข้ามาปรึกษาพูดคุยกับคุณหมอ เพื่อให้เห็นทิศทางการรักษาที่ชัดเจนขึ้น และถือเป็นด่านสุดท้ายที่สำคัญจริง ๆ ก่อนการตัดสินใจเข้ารับการปลูกผม เพื่อให้เส้นผมใหม่ช่วยปรับบุคลิกภาพ เสริมความมั่นใจ และเปลี่ยนคุณเป็นคนใหม่ได้อย่างที่ต้องการ

.

นามนิน ก้าวสู่ปีที่ 4 กับ Hair Medical Center
“บริการปลูกผม” ตลาดใหญ่มาแรงระดับโลก

ประเทศไทยอยู่ตรงไหน ในภาพรวมการเติบโตของอุตสาหกรรมความงามด้านเส้นผมของโลก ?

ผลการวิจัยเผยว่า ในปี 2020 ที่ผ่านมา ตัวเลขมูลค่าตลาด “การปลูกผม” ทั่วโลก อยู่ที่ประมาณ 106,062 ล้านบาท และในอีก 5 ปีข้างหน้า หรือในปี 2027 ตัวเลขดังกล่าวอาจทะยานสูงขึ้นแตะ 136,508 ล้านบาท โดยมีอัตราการเติบโตของตลาดเฉลี่ยต่อปีถึง 3.6% เช่นเดียวกับตลาด “ผลิตภัณฑ์บำรุงและลดการหลุดร่วงของเส้นผม” ที่จะมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปีในช่วงเวลาเดียวกัน อยู่ที่ 3.83% โดยจะเห็นภาพการเติบโตชัดเจนที่สุดในภูมิภาคเอเชียนี่เอง (กรุงเทพธุรกิจ, 2565)

แน่นอนว่า ประเทศไทย ก็เป็นจิ๊กซอว์ชิ้นเล็กที่กำลังทวีความสำคัญมากขึ้น ซึ่งสำหรับตลาด Hair Care หรือผลิตภัณฑ์และบริการเพื่อการดูแลเส้นโดยรวมของประเทศ ที่มีมูลค่ากว่า 30,000 ล้านบาทนั้น บริการปลูกผมครองสัดส่วนของตลาดอยู่ที่ประมาณ 1,000 ล้านบาทเลยทีเดียว (กรุงเทพธุรกิจ, 2563) สอดคล้องกับการเพิ่มจำนวนขึ้นอย่างรวดเร็วของคลินิกปลูกผมในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา

แม้วันนี้ ตลาดปลูกผมไทยอาจยังตามหลังประเทศเกาหลีและประเทศญี่ปุ่น แต่การพัฒนาฝีมืออย่างก้าวกระโดดของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเส้นผมคนไทย ที่มาพร้อมกับนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่ทันสมัย รวมไปถึงความเป็นเลิศด้านการให้บริการ ในราคาที่เอื้อมถึงได้ ก็ส่งให้ประเทศไทยกลายเป็นประเทศที่มีศักยภาพสูงเพียงพอที่จะตั้งเป้าหมายใหม่ในการยกระดับวงการปลูกผม เพื่อรองรับการเป็น Medical Hub of Hair Transplantation ของภูมิภาคเอเชียในอนาคต


สำรวจปัจจัยความเติบโต ของเทรนด์ “ปลูกผม” ในประเทศไทย 

การที่ตลาด “ปลูกผม” ในประเทศไทยเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วเช่นนี้ ปัจจัยข้อแรกคงหนีไม่พ้นเรื่องการปรับเปลี่ยนทัศนคติและพฤติกรรมของคนไทยเอง ในปัจจุบัน คนไทยรวมถึงคนทั่วโลก หันมาให้ความสำคัญกับการใส่ใจดูแลสุขภาพมากขึ้น ทำให้เทรนด์สุขภาพยังคงเป็นกระแสระดับท็อปต่อเนื่องยาวนานหลายปี เราจึงเห็นผู้คนลุกขึ้นมาค้นคว้าศึกษาข้อมูล ปรับวิถีชีวิตใหม่ เพิ่มมูลค่าการใช้จ่าย และเพิ่มเวลาให้กับการดูแลตัวเองมากขึ้น เช่น การรับประทานอาหารสุขภาพ การออกกำลังกาย การดูแลสัดส่วนและรูปร่าง รวมไปถึงการจัดการกับปัญหาสุขภาพเส้นผมด้วย

นอกจากสุขภาพแล้ว ผู้คนก็ยังใส่ใจเรื่องบุคลิกภาพด้วยเช่นกัน ทั้งยังตระหนักมากขึ้นว่า เส้นผมคือเครื่องประดับชิ้นสำคัญของร่างกาย ที่จะช่วยเสริมบุคลิกภาพให้ดูดี นำมาสู่ภาพลักษณ์ที่น่าเชื่อถือในสายตาของคนรอบข้าง และยังสะท้อนความเป็นตัวตนที่ไม่ซ้ำใคร หลาย ๆ คนหมดความมั่นใจในตัวเองลงง่าย ๆ เมื่อเผชิญกับปัญหาเส้นผม ซึ่งการขังตัวเองไว้กับความรู้สึกกังวลและไม่มั่นใจในทุกครั้งที่ส่องกระจกนั้น ทำให้หลายคนไม่กล้าใช้ชีวิตอย่างเต็มที่ จนอาจพลาดโอกาสสำคัญต่าง ๆ ไป ดังนั้น คนจึงมีแนวโน้มสูงขึ้นที่จะหันกลับมาดูแลเส้นผม ไม่ต่างจากการดูแลร่างกายส่วนอื่น ๆ 

ที่สำคัญ ภาพจำของคำว่า การปลูกผม ก็เริ่มเปลี่ยนไป ที่ผ่านมา คนมักจะติดภาพว่าการปลูกผมเป็นเรื่องของคนสูงวัย หรือคนที่มีปัญหาเส้นผมรุนแรง แต่ปัจจุบันเทรนด์การปลูกผมเริ่มเป็นที่นิยมในกลุ่มคนที่มีช่วงอายุน้อยลงเรื่อย ๆ จากสถิติโดยทั่วไป คนในวัย 25 – 35 ปี ตัดสินใจเข้ารับการปลูกผมใหม่ถึง 25% ขณะเดียวกัน คนในวัยต่ำกว่า 25 ปี ก็เริ่มกล้าที่จะเข้ามาปรึกษาปัญหาเส้นผมกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ และเริ่มต้นปลูกผมเพื่อดูแลจัดการปัญหาแต่เนิ่น ๆ กันมากขึ้น ไม่เพียงเท่านั้น ภาพจำเก่า ๆ ว่าการปลูกผมเป็นเรื่องของผู้ชายก็เปลี่ยนไปด้วย เพราะผู้หญิงเริ่มเข้ามารับบริการปลูกผมมากขึ้น โดยมีสัดส่วนอยู่ที่ประมาณ 20% 

สำหรับปัจจัยสำคัญอีกข้อหนึ่ง ก็คือเทคนิคการปลูกผม ที่ส่งผลต่อประสบการณ์การปลูกผมของคนไข้ เนื่องจากในอดีต การปลูกผมอาจไม่ใช่ประสบการณ์ที่น่ารื่นรมย์นัก คนไข้ต้องเผชิญความยากลำบากจากการรักษา ตั้งแต่การโกนผมด้านหลังทั้งหมดเพื่อ “ผ่าตัด” ย้ายกราฟต์ผมออก อุปกรณ์ที่ยังไม่ได้รับการพัฒนาเต็มที่ ยังทิ้งรอยแผลน่ากลัวไว้พร้อมกับอาการเจ็บและบวมช้ำ ทำให้คนไข้ต้องใช้เวลาพักฟื้นค่อนข้างนาน ทั้งยังเกิดข้อจำกัดในการทำผมทรงต่าง ๆ เพราะต้องคอยระวังปกปิดรอยแผลจากการปลูกผม จนกระทบต่อความมั่นใจ และการใช้ชีวิตประจำวันในหลาย ๆ ด้าน

แต่ทุกวันนี้ นวัตกรรมการปลูกผมได้รับการพัฒนาขึ้นจนสามารถลบภาพประสบการณ์แย่ ๆ ที่กล่าวมาได้เกือบทั้งหมด เนื่องจากเทคนิคการปลูกผมและแนวทางการักษาที่ก้าวหน้ามากขึ้นในทุก ๆ มิติ ที่ “นามนิน” คนไข้ที่เข้ารับการปลูกผมจะได้สัมผัสความประทับใจจากบริการปลูกผมที่ออกแบบมาเป็นอย่างดี ภายใต้ชื่อเทคนิค NEAT หรือ Namnin’s Exclusive Advanced Hair Transplant Technique ซึ่งหมายถึง “เทคนิคการปลูกผมขั้นสูงเอกสิทธิ์เฉพาะของนามนิน” โดยนำทั้ง “ศาสตร์” การแพทย์ด้านเส้นผม มาผสานกับ “ศิลปะ” การสร้างสรรค์ความงาม เพื่อมอบผลลัพธ์การปลูกผมที่จะช่วยแก้ไขปัญหาเส้นผมและเติมเต็มความมั่นใจให้กับคนไข้ได้อย่างแท้จริง


เทคนิค NEAT ยังมีความหมายซ่อนอยู่ในทุกตัวอักษร 

N - Namnin
หมายถึงแพทย์ผู้เชี่ยวชาญของนามนิน ที่ไม่เคยหยุดศึกษา พัฒนา และต่อยอดองค์ความรู้ จากทั้งในและต่างประเทศ เพื่อนำมาประยุกต์ใช้กับคนไข้ ที่สำคัญ แพทย์ของนามนินจะเป็นผู้ลงมือปลูกผมให้กับคนไข้ด้วยตัวเอง แบบเส้นต่อเส้น

E - Exclusive
หมายถึงการที่แพทย์เข้าใจในลักษณะปัญหาและความต้องการที่แตกต่างกันของคนไข้ ซึ่งไม่สามารถใช้สูตรการรักษาแบบเดียวกันได้ทุกคน ดังนั้น จึงต้องออกแบบแนวทางการรักษา “เฉพาะบุคคล” เคสใหม่ คิดใหม่ ไม่มีซ้ำ ไม่มีสูตรสำเร็จ เช่นเดียวกับการวัดตัวตัดเสื้อแบบ Tailor-Made เลยก็ว่าได้

A - Advanced
หมายถึงเทคนิคการปลูกผมขั้นสูง ที่คิดค้นและพัฒนาโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญของนามนินเอง เพื่อตอบโจทย์การรักษาได้อย่างตรงจุดมากที่สุด

T - Technique
หมายถึงเทคนิคเสริมและองค์ประกอบต่าง ๆ ตลอดกระบวนการรักษา รวมถึงการเลือกใช้เทคโนโลยีและเครื่องมือที่ทันสมัย เพื่อให้ผลลัพธ์การปลูกผมที่คนไข้พึงพอใจ ทั้งยังช่วยให้คนไข้ได้รับความสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น

ทั้งหมดนี้ จึงช่วยเปลี่ยนประสบการณ์การปลูกผมของคนไข้ให้กลายเป็นประสบการณ์สุดพิเศษ โดยเทคนิคใหม่ ๆ เหล่านี้จะช่วยให้คนไข้ไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องโกนผม เพียงใช้อุปกรณ์ขนาดเล็กเจาะย้ายกราฟต์ผมออก และนำไปปลูกใหม่ในบริเวณที่ต้องการ ลดอาการเจ็บ บวมช้ำ เลือดออกน้อย ทิ้งรอยแผลขนาดเล็กจนแทบมองไม่เห็น และแทบไม่ต้องพักฟื้น สามารถใช้ชีวิตประจำวันต่อ หรือไปทำงานในวันรุ่งขึ้นได้ทันที ไม่เพียงเท่านั้น เทคนิคการย้ายผมออกจากด้านหลังแบบขั้นบันได ยังช่วยให้คนไข้ไม่ต้องกังวลกับการปกปิดรอยแผลอีกต่อไป สามารถทำผมทรงต่าง ๆ ได้อย่างใจทุกสไตล์ ซึ่งเท่ากับอิสระในการใช้ชีวิตอย่างมั่นใจมากขึ้นด้วย


ก้าวสู่ปีที่ 4 กับ “นามนิน”

หลังก้าวผ่าน 3 ปีแห่งความใส่ใจในปัญหาเส้นผมทุกมิติของคนไข้ และความตั้งใจที่จะพัฒนาเทคนิคการปลูกผมให้เหนือมาตรฐานขึ้นไปอย่างไม่มีวันหยุด ก้าวต่อไปในปีที่ 4 ของ “นามนิน” จะไม่ใช่แค่ในบทบาทของ “คลินิก” แต่คือการเติบโตขึ้นไปเป็น Hair Medical Center ในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านเส้นผมอย่างครบวงจร ที่ไม่เพียงให้บริการด้านการรักษาและดูแลเส้นผม แต่ยังนำเสนอคอร์สปลูกผมสุด Exclusive ที่นำเอาความรู้ ประสบการณ์ ทักษะ และเทคนิคเฉพาะตัวของคุณหมอนิน รวมเอาไว้ในคอสร์สนี้อย่างเข้มข้น สอนและถ่ายทอดจาก “อาจารย์แพทย์” สู่ “แพทย์” โดยเฉพาะ รวมถึงการเป็นศูนย์รวมบริการ Treatment และผลิตภัณฑ์ด้านเส้นผมที่พัฒนาขึ้นโดยผู้เชี่ยวชาญที่เข้าใจปัญหาเส้นผมอย่างแท้จริง พร้อมทั้งเดินหน้าแผนพัฒนาธุรกิจในมิติอื่น ๆ เพื่อรองรับลูกค้าทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติที่ให้ความไว้วางใจในคุณภาพการให้บริการของนามนินเสมอมา

และสิ่งที่จะไม่เปลี่ยนไป ก็คือคำสัญญาจากนามนิน ที่จะ “ใส่ใจเพื่อคุณคนใหม่” ตั้งแต่ก้าวแรกที่คนไข้เข้ามาพบแพทย์เพื่อพูดคุย ปรึกษา บอกเล่าปัญหาและความต้องการของตัวเอง ก่อนจะร่วมกันวางแผนเส้นทางการรักษาที่ยาวนานถึง 1 ปีเต็ม และแพทย์เริ่มลงมือปลูกผมใหม่ให้คนไข้แบบเส้นต่อเส้น ตามมาด้วยช่วงเวลาแห่งการอดทน รอคอย และถนอมดูแลเส้นผมใหม่ โดยมีแพทย์คอยติดตามการรักษาอย่างใกล้ชิด จนถึงวันที่คนไข้ได้ปลดล็อกตัวเองไปสู่การเป็น “คนใหม่” ได้สำเร็จ ซึ่ง “นามนิน” หวังว่าจะได้เห็นภาพความสุขแบบนี้ ในขวบปีที่ 4 ตลอดจนปีต่อ ๆ ไปข้างหน้า

.
#NEATคือศาสตร์และศิลป์

NEAT ความคุ้มค่าของการปลูกผม
การปลูกผมแตกต่างจากการศัลยกรรมประเภทอื่นๆ ที่สามารถแก้ไขกี่ครั้งก็ได้เท่าที่ต้องการ เพราะการปลูกผมมีหลักการสำคัญคือ ต้องใช้เส้นผมที่แข็งแรงของตัวคุณเองมาปลูกเท่านั้น และจุดที่มีเส้นผมที่แข็งแรงที่สุดคือ บริเวณท้ายทอย หรือที่เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า Safe Zone เป็นผมที่อยู่ตั้งแต่เหนือหูด้านซ้ายไปถึงเหนือหูด้านขวา ยาวประมาณ 10 – 12 นิ้ว และสูงประมาณ 3 นิ้ว ซึ่งมีพื้นที่ประมาณ 1 ใน 4 ของหนังศีรษะ มีผมประมาณ 12,500 กราฟท์เท่านั้น จากผมทั้งศีรษะกว่า 50,000 กราฟท์ 

ทำไมต้องเป็นผมจากท้ายทอย? นั่นเพราะผมบริเวณนี้จะมีความแข็งแรงและทนทานต่อการหลุดร่วงมากที่สุด เนื่องจากรากผมบริเวณนี้ไม่ตอบสนองต่อฮอร์โมนไดไฮโดรเทสโทสเตอโรน (dihydrotestosterone) หรือ DHT ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ทำให้รูขุมขนบนหนังศีรษะมีขนาดเล็กลง รากผมอ่อนแอ เส้นผมบางและสั้นลงเรื่อยๆ จนนำไปสู่อาการผมร่วง ผมบางและศีรษะล้านในที่สุด และมักถ่ายทอดทางพันธุกรรมในผู้ชายมากกว่าผู้หญิง เมื่อนำผมจากท้ายทอยมาปลูกเพื่อเติมเต็มส่วนที่ผมบาง เส้นผมก็จะทนต่อการหลุดร่วงได้ดีขึ้นตามคุณสมบัติเดิมที่ติดมากับรากผม



ในขั้นตอนการปลูกผม แพทย์จะประเมินปัญหาก่อนว่ารุนแรงมากน้อยเพียงใด แล้วจึงจะคำนวณปริมาณกราฟท์ผมที่ต้องใช้ให้เหมาะสมที่สุดก่อนจะทำการย้ายเส้นผมไปปลูกใหม่ โดยมีหลักที่ต้องคำนึงถึงคือ ต้องย้ายเส้นผมออกโดยเว้นระยะห่างอย่างสม่ำเสมอ เลือกนำผมออกมาใช้เป็นบางส่วน ไม่เหลือเส้นผมอยู่น้อยเกินไปเพื่อคงความเป็นธรรมชาติ และหากเกิดความผิดพลาดใดๆขึ้น อาจจะต้องใช้ผมบริเวณ Safe Zone เพื่อปลูกผมใหม่เพื่อแก้ไขอีกในอนาคต 


จากเหตุผลที่กราฟท์ผมจาก Safe Zone มีอยู่จำกัด หากบริเวณที่ต้องการปลูกมีมากกว่าผมที่ใช้ได้ เช่น ในกรณีที่มีปัญหาผมบางหลายจุด ทั้งแนวผมด้านหน้าและกลางศีรษะ อาจจำเป็นต้องใช้ผมจากบริเวณอื่นนอกจาก safe zone มาปลูกด้วย แต่ต้องยอมรับความเสี่ยงที่อาจจะพบปัญหาผมร่วง โดยเฉพาะคนผมที่ร่วงจากการถ่ายทอดทางพันธุกรรม เพราะเส้นผมจากบริเวณอื่นจะมีปฏิกิริยากับฮอร์โมน DHT มากกว่าผมบริเวณท้ายทอย


ด้วยสาเหตุที่ต้นทุนของผมที่แข็งแรงนั้นมีปริมาณจำกัดดังที่กล่าวมา เราจึงสามารถปลูกผมได้เพียง 1-2 ครั้งในชีวิตเท่านั้น จึงต้องทำความเข้าใจถึงวิธีการปลูกผมและเทคนิคต่างๆให้ชัดเจนก่อนการตัดสินใจเลือกการปลูกผมครั้งแรกที่ผลลัพธ์ “คุ้มค่า” กับคุณที่สุด
N / E / A / T (Namnin Exclusive Advanced Hair Transplant Technique) คือ เทคนิคการปลูกผมขั้นสูงของนามนิน ผ่านการคิดค้นและพัฒนามาเพื่อตอบโจทย์ทุกความกังวลและความคาดหวังของคนไข้อย่างลงตัวที่สุด แต่ละตัวอักษรบ่งบอกถึงความเชี่ยวชาญและโดดเด่นทั้งศาสตร์และศิลป์ของการปลูกผม 


N-Namnin ดูแลและปลูกผมโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ นอกจากจะประเมินปัญหาและให้คำปรึกษาแล้ว แพทย์ของนามนินจะเป็นผู้ลงมือปลูกผมให้คนไข้ทุกเส้นด้วยตัวเอง ดูแลและติดตามผลตลอดระยะเวลา 1 ปีของการปลูกผม จนกว่าจะเสร็จสมบูรณ์


E-Exclusive การปลูกผมที่ออกแบบเฉพาะเป็นรายบุคคล เพราะปัญหาและข้อจำกัดของแต่ละคนแตกต่างกัน การแก้ปัญหาให้ตรงจุดจึงต้องวางแผนใหม่ทุกครั้ง ไม่มีสูตรสำเร็จ ลอกเลียนแบบกันไม่ได้   


A-Advanced คุณภาพการปลูกผมที่ได้มาตรฐานระดับสากล ปลอดภัยและสะดวกสบาย ตอบโจทย์ทั้งด้านการรักษาและความสวยงาม เพิ่มความมั่นใจด้วยความใส่ใจและพิถีพิถันในทุกขั้นตอนการรักษาด้วยตัวคุณหมอนินเอง ทุกความกังวลใจและความต้องการของคนไข้สำคัญเสมอสำหรับการวางแนวทางการรักษา ซึ่งคุณหมอและคนไข้จะทำงานร่วมกันเป็นทีมเพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด


T-Technique คือ เทคนิคการปลูกผมขั้นสูงเฉพาะของนามนินในทุกขั้นตอน เช่น การออกแบบแนวผมใหม่ที่ยึดหลัก Golden Ratio หรือสัดส่วนทองคำ ที่แนวผมจะรับกับทุกรูปหน้าทั้งชายและหญิง เทคนิคการเจาะนำผมออกด้านหลังแบบขั้นบันไดโดยไม่ต้องโกนผม ไม่เห็นรอยแผล ผมไม่เว้าแหว่ง ยังคงความเป็นธรรมชาติตามเดิม โดยเฉพาะการปลูกผมที่เป็นเทคนิคเฉพาะตัวของคุณหมอนิน เลือกและปลูกเองทีละเส้น เน้นความเหมาะสมทั้งด้านความหนาบางของเส้นผม ระยะห่างของผมแต่ละกราฟท์ ทิศทางของผมแต่ละเส้นที่ต้องจัดวางให้ใกล้เคียงกับผมเดิม ปลูกแซมเลยแนวไรผมเข้าไปเพื่อความกลมกลืน 


ด้วยเทคนิคต่างๆเหล่านี้ ทำให้การปลูกผมที่นามนินนั้นตอบโจทย์ทั้งความงามและความสะดวกสบายอย่างที่สัมผัสได้จริงๆ เพราะคนไข้สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติหลังการปลูกผมทันที และยังมั่นใจว่าจะได้รับการดูแลอย่างต่อเนื่องตลอด 1 ปี ของการปลูกผม เพราะหลังจากการปลูกผม คนไข้จะต้องพบเจอกับภาวะที่หลากหลายจึงควรได้รับคำแนะนำและการดูแลที่ถูกต้องจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจนกว่าจะเห็นผลลัพธ์ที่สมบูรณ์


ก่อนการตัดสินใจปลูกผม คุณควรใช้สิทธิ์ “เลือก” ในสิ่งที่คุ้มค่าและเป็นประโยชน์กับตัวคุณมากที่สุด การศึกษาข้อมูลอย่างรอบด้านและการปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะช่วยให้การเลือกของคุณนั้น “ถูกต้อง” ตั้งแต่เริ่มต้น เมื่อเริ่มต้นดี ผลลัพธ์ดีแน่นอนค่ะ

NEAT ความลงตัวที่สมบูรณ์แบบ
การปลูกผมเทคนิค NEAT ของนามนิน พัฒนามาจากเทคนิค FUE หรือ Follicular Unit Excision เป็นการใช้เครื่องมือขนาดเล็กเจาะนำกราฟท์ผมออกมาจากด้านหลังท้ายทอยทีละกราฟท์ ข้อดีคือจะทิ้งไว้เพียงรอยแผลขนาดเล็ก ๆ ในบริเวณที่นำกราฟท์ผมออกมาเท่านั้น ซึ่งเทคนิค FUE เป็นการปลูกมาตรฐานสากลที่ได้รับความนิยมแพร่หลาย เพราะโดดเด่นด้านความสวยงาม สะดวกสบายต่อคนไข้และดูเป็นธรรมชาติมากที่สุด

อีกเทคนิคหนึ่งที่นามนินได้นำมาปรับใช้คือ DHI หรือ Direct Hair Implantation คือการใช้ Implanter Pen  หรืออุปกรณ์ขนาดเล็กพิเศษ นำกราฟท์ผมปักลงไปยังบริเวณที่ต้องการปลูกผมใหม่โดยตรง ซึ่งแตกต่างจากวิธีดั้งเดิมคือการเจาะรูบนหนังศีรษะ แล้วนำ Forceps หรืออุปกรณ์คีมเล็ก ๆ คีบกราฟท์ผมมาปักลงไปทีละกราฟท์ ซึ่งใช้เวลามากและมีโอกาสที่รากผมจะเสียหายได้ 

ในขณะที่เทคนิค DHI แพทย์จะปักกราฟท์ผมได้ละเอียด แม่นยำ รวดเร็ว และแพทย์ยังสามารถควบคุมความลึกในการฝังรากผม ตลอดจนทิศทางหรือองศาของเส้นผมใหม่ได้ดีขึ้นด้วย เป็นวิธีการปลูกผมที่ดีที่สุดในปัจจุบัน

ด้วยความรู้และประสบการณ์ของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ นามนิน จึงได้คัดสรรจุดเด่นของเทคนิค FUE และ DHI มาพัฒนาและสร้างสรรค์ต่อจนเกิดเป็น NEAT หรือ Namnin Exclusive Advanced hair transplant Technique เทคนิคการปลูกผมขั้นสูงเอกสิทธิ์เฉพาะของนามนิน ที่ลงตัวทั้ง “ศาสตร์” และ “ศิลป์” ในทุกขั้นตอน

เริ่มต้นด้วยการออกแบบ Hairline ใหม่ให้เข้ากับรูปหน้า เพื่อปรับแต่งกรอบหน้าให้ดูอ่อนเยาว์ขึ้น จากนั้นใช้อุปกรณ์ขนาดเล็กเพียง 0.6 มม.เจาะเพื่อนำกราฟท์ผมทางด้านหลังออกเป็นแนวขั้นบันไดเพื่อซ่อนแผลให้แนบเนียนกับผมเดิมโดยไม่ต้องผ่าตัด แพทย์จะวางแนวผมและตัดผมให้คนไข้ด้วยตนเอง ไม่ต้องโกนผมหรือตัดผมสั้น ไม่เห็นรอยแผล 

ขั้นตอนต่อมาคือการปลูกผมลงในบริเวณที่กำหนดไว้ ซึ่งแพทย์ของนามนินจะเป็นผู้ลงมือปักกราฟท์ผมใหม่ด้วยตัวเองทุกกราฟท์ด้วยเทคนิค DHI แต่เหนือกว่าด้วยการพัฒนาอุปกรณ์ในการปลูกผมหรือ Implanter Pen ให้มีขนาดเล็กพิเศษเพียง 0.6 มิลลิเมตร คัดเลือกและจัดวางผมแต่ละกราฟท์โดยคำนึงถึงความเหมาะสมตามขนาดความหนาและบางของเส้นผม ควบคุมระยะห่างให้เหมาะสม วางทิศทางและองศาของการปักผมแต่ละกราฟท์ให้กลมกลืนไปกับผมเดิม และปลูกแซมผมเลยแนวไรผมเดิมเข้าไปเล็กน้อยเพื่อความเป็นธรรมชาติยิ่งขึ้น

การปลูกผมเทคนิค NEAT ได้ผ่านการคิดค้นและพัฒนามาเพื่อตอบโจทย์ทุกความกังวลและความคาดหวังของคนไข้อย่างลงตัวที่สุด มอบความสะดวกสบายและผลลัพธ์ที่คุ้มค่าการรอคอย ด้วยความเชี่ยวชาญของแพทย์และเครื่องมือที่ทันสมัย 

หลังการปลูกผม คนไข้สามารถทำกิจวัตรประจำวันได้ตามปกติ ชีวิตไม่สะดุด ไม่ต้องพักฟื้นหรือต้องคอยปกปิดรอยแผลเป็นใดๆ ได้เส้นผมใหม่ที่เป็นธรรมชาติทั้งความหนาแน่นและทิศทางของเส้นผม พร้อมเปิดรับสิ่งดีๆในชีวิตที่กำลังจะตามมาแน่นอน

เพราะ "หัวใจการปลูกผมของนามนิน" คือการเดินหน้าพัฒนาอย่างต่อเนื่องทุกด้าน การทำงานในทุกขั้นตอนจึงสะท้อนถึงความใส่ใจและความพิถีพิถันเฉพาะตัวของแพทย์อย่างชัดเจน นำทุกปัญหาและความต้องการคนไข้มาใช้เป็นศูนย์กลางของการทำงาน รับฟัง วิเคราะห์ และวางแผนการรักษาให้เหมาะสมเฉพาะเป็นรายบุคคล ติดตามผลการรักษาและให้คำแนะนำอย่างใกล้ชิดตลอด 1 ปีของการปลูกผม เพื่อมอบเส้นผมใหม่ที่เปรียบเสมือนชีวิตใหม่ให้คนไข้ได้ก้าวต่อไปอย่างมั่นใจและมีความสุขที่สุด  

ปลูกผมไร้สูตรสำเร็จ Tailor-made เฉพาะคุณ
ปลูกผมไร้สูตรสำเร็จ คิดเฉพาะเคส Tailor-made เฉพาะคุณ

หลายคนอาจเข้าใจว่า การปลูกผมนั้นมีสูตรสำเร็จตายตัวในการแก้ปัญหา ซึ่งแพทย์เพียงทำหน้าที่เลือกว่าจะใช้สูตรหรือแนวทางไหนในการรักษา  แต่สำหรับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญตัวจริงแล้ว การปลูกผม นับเป็นความท้าทายใหม่ในทุก ๆ วัน และไม่มีทางจะมีสูตรสำเร็จได้เลย เพราะคนไข้แต่ละเคสที่ก้าวเข้ามาปรึกษาปัญหาเส้นผมนั้น ไม่เหมือนกันเลยแม้แต่คนเดียว!!!

ที่นามนิน คนไข้จะได้สัมผัสประสบการณ์การรักษาแบบ Exclusive เมื่อแพทย์ผู้เชี่ยวชาญให้ความสำคัญกับการทำความเข้าใจปัญหาเส้นผมและความต้องการของคนไข้อย่างลึกซึ้ง ก่อนจะวิเคราะห์และออกแบบแนวทางการรักษาที่คิดขึ้นมาเพื่อคนไข้แต่ละคนโดยเฉพาะ เคสใหม่ คิดใหม่ ไม่มีซ้ำ เปรียบได้กับการวัดตัวตัดเสื้อผ้าแบบ Tailor-made ที่จะให้ผลลัพธ์ออกมาเฉพาะเพื่อคุณเดียวเท่านั้น

ก้าวแรกของการรักษา คือการนั่งลงรับฟังปัญหาและความต้องการของคนไข้ ก่อนที่แพทย์และคนไข้จะร่วมกันตัดสินใจออกแบบเส้นทางสู่การเปลี่ยนคุณเป็นคนใหม่ โดยคำนึงถึงปัจจัยเล็กใหญ่ต่าง ๆ ที่ไม่ซ้ำกันเลยในแต่ละคน ดังนี้

  • รูปแบบของปัญหาผม ไม่ว่าจะเป็นลักษะของผมที่ถอยร่นสูงขึ้นบริเวณหน้าผาก แบบตัว M ทำให้หน้าผากกว้างและดูมีอายุเกินวัย ลักษณะของผมบางกลางศีรษะ แบบตัว O ซึ่งจะค่อย ๆ ขยายวงกว้างขึ้น หรือลักษณะของผมบางบริเวณรอยแสก ที่ชวนให้เจ้าของเส้นผมกังวลใจทุกทีที่เห็น

  • ความรุนแรงของปัญหาผม คนไข้บางคนอาจจะเพิ่งเริ่มมีอาการผมร่วงมากเกินปกติ ทำให้ผมบางลงเพียงเล็กน้อย ในขณะที่บางคนเริ่มมีผมบางเป็นบริเวณกว้าง และในบางเคสเริ่มเข้าสู่ระดับอาการผมล้าน ซึ่งทำให้ความยากง่ายในการรักษาแตกต่างกัน 

  • เพศและวัย แน่นอนว่าผู้หญิงกับผู้ชายมีลักษณะของอาการผมร่วงและผมบางต่างกัน อย่างเช่นอาการผมล้านตรงกลางศีรษะเป็นรูปตัว O นั้น มักจะเกิดในผู้ชายมากกว่าอย่างเห็นได้ชัด ส่วนอาการของผู้หญิงมักจะเริ่มจากรอยแสกผมที่ค่อย ๆ ขยายตัวกว้างมากขึ้น 

ขณะเดียวกัน อายุก็เป็นปัจจัยหนึ่งที่ส่งผลต่ออาการผมร่วงและผมบาง แม้หลายคนจะมีภาพจำว่า ยิ่งอายุมากขึ้น ผมยิ่งมีโอกาสหลุดร่วงมากขึ้น แต่คนวัยหนุ่มสาวก็อาจพบอาการดังกล่าวในระยะเริ่มต้นได้เช่นกัน ซึ่งแพทย์ก็จะนำข้อมูลเกี่ยวกับเพศและวัย มาประมวลร่วมด้วย เพื่อวางแผนการรักษาที่เหมาะสมในระยะยาว

  • สาเหตุของอาการผมร่วงและผมบาง ในระหว่างการพูดคุยกัน แพทย์จะช่วยค้นลึกลงไปถึงสาเหตุของปัญหาผม ซึ่งนอกจากสาเหตุทางกรรมพันธุ์ที่ส่งต่อกันในครอบครัว ซึ่งเป็นสาเหตุใหญ่ของอาการผมร่วงแล้ว ปัญหาเส้นผมของเรายังอาจเกิดจากฮอร์โมนเพศ โรคหรือความเจ็บป่วย พฤติกรรมเสี่ยงต่อการทำร้ายเส้นผม เช่นการใช้สารเคมีหรือความร้อนกับผมมากเกินไป นอกจากนั้น ยังรวมถึงการพักผ่อนไม่ เพียงพอ การที่ร่างกายขาดสารอาหารบางชนิด การดื่มแอลกอฮอล์หรือสูบบุหรี่ ตลอดจนภาวะเครียดหรืออาการเศร้าอย่างรุนแรง 

  • คุณภาพความแข็งแรงของเส้นผม แต่ละคนเกิดมาพร้อมกับเส้นผมที่มีสุขภาพแข็งแรงไม่เท่ากัน บางคนมีผมเส้นใหญ่หนา ขณะที่บางคนมีผมเส้นบาง ลีบเล็ก เรื่องของสุขภาพผมนั้น ยังต้องพิจารณาโดยรวมทั้งรากผม เนื้อผม และเกล็ดผม เพื่อที่แพทย์จะได้ประเมินแผนการรักษาได้ถูกต้อง

  • ปริมาณกราฟต์ผมต้นทุน คำว่าผมต้นทุน หมายถึงผมสุขภาพดีที่แพทย์จะสามารถย้ายไปปลูกเสริมหรือทดแทนในบริเวณที่ผมบางหรือผมล้านได้ ในที่นี้หมายถึงผมต้นทุนบริเวณท้ายทอยไปจนถึงหลังกกหู ซึ่งทนทานต่อฮอร์โมนตัวสำคัญที่ทำให้ผมหลุดร่วง การคำนวณปริมาณกราฟต์ผมต้นทุนว่าเพียงพอต่อการนำไปปลูกใหม่หรือไม่ และควรจะต้องปลูกอย่างไร นับเป็นหนึ่งในขั้นตอนสำคัญเลยทีเดียว

  • ความต้องการของคนไข้ หลายคนอาจมองข้ามข้อนี้ไป แต่สำหรับการออกแบบแนวทางการรักษาที่นามนินนั้น แพทย์ไม่ลืมที่จะยึดคนไข้เป็นศูนย์กลาง เพราะเส้นผมบนศีรษะนั้นมีความหมายมากกว่าเรื่องสุขภาพ แต่หมายถึงความสวยงามหรือความมั่นใจของคนไข้เองด้วย ซึ่งคนไข้แต่ละคนก็มีภาพเป้าหมายที่อยากเปลี่ยนเป็นคนใหม่แตกต่างกัน หรือบางครั้ง แพทย์ก็อาจต้องเข้าใจความจำเป็นส่วนตัว เช่น บางอาชีพอาจต้องทำทรงผมเฉพาะ หรือต้องพึ่งพาเส้นผมมากเป็นพิเศษ เป็นต้น

แพทย์ผู้เชี่ยวชาญตัวจริงจะนำปัจจัยทั้งหมดนี้มาประมวลร่วมกัน เพื่อวิเคราะห์และออกแบบแนวทางการแก้ปัญหาเฉพาะบุคคล ที่ตอบโจทย์ทั้งเป้าหมายการรักษา และตอบโจทย์ตัวตนของคนไข้ไปพร้อม ๆ กัน เพื่อผลลัพธ์การปลูกผมใหม่ที่ได้ประสิทธิภาพมากที่สุดนั่นเอง


Hair Growth Treatment เพื่อผมแข็งแรงในระดับเซลล์
Hair Growth Treatment เป็นนวัตกรรมการรักษาและบำรุงผมที่เน้นการกระตุ้นให้เซลล์รากผมทำงานได้อย่างเต็มที่ รวมถึงซ่อมแซมและฟื้นคืนวงจรชีวิตของเส้นผมให้กลับมาสมบูรณ์ ไม่หลุดร่วงง่าย วิธีการคือ การนำ Growth factor ของผู้เข้ารับการรักษาเองมาใช้ โดยการเก็บเลือดจากบริเวณข้อพับแขนเพียงเล็กน้อย และนำเลือดที่ได้มาเติมสารต้านการแข็งตัวของเลือด แล้วจึงปั่นด้วยเครื่องเหวี่ยงสาร เพื่อให้เลือดแยกชั้นออกเป็นชั้นเซลล์เม็ดเลือดขาว เกล็ดเลือด และเซลล์เม็ดเลือดแดง จากนั้นนำ Growth factor มาผสานกับวิตามินเข้มข้นสูตรเฉพาะของนามนินแล้วจึงฉีดเข้าสู่หนังศีรษะ เพื่อกระตุ้นการทำงานของเซลล์รากผมให้กลับมาสร้างเส้นผมใหม่ที่หนาและแข็งแรง รวมถึงบำรุงหนังศีรษะให้มีสุขภาพดีขึ้นได้



สำหรับผู้ที่ทำการปลูกผม แพทย์จะให้ทำ Hair Growth Treatment หลังการปลูกผม เนื่องจากจะช่วยกระตุ้นเซลล์รากผมให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ช่วยให้ผมใหม่แข็งแรง ไม่หลุดร่วงง่าย ฟื้นคืนวงจรชีวิตของเส้นผมให้กลับสมบูรณ์ และช่วยให้แผลหายเร็วยิ่งขึ้นอีกด้วย นอกจากนี้ ยังเหมาะสำหรับผู้ที่มีผมบางไม่มากและรูขุมขนบนศีรษะยังเปิดอยู่ แพทย์อาจจะประเมินว่ายังไม่จำเป็นต้องรักษาด้วยการปลูกผมถาวร การฟื้นฟูเส้นผมและหนังศีรษะด้วยการทำ Hair Growth Treatment ตามระยะเวลาที่แพทย์กำหนดจะช่วยให้ผมหนาขึ้นได้ 




เทคนิค Hair Growth Treatment เป็นวิธีที่มีความปลอดภัยสูง เนื่องจากไม่ต้องใช้สารเคมี ไม่ต้องทำการผ่าตัด จึงไม่ทำให้เกิดบาดแผลใด ๆ และไม่ต้องพักฟื้น สามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติทันทีหลังเข้ารับบริการ อีกทั้งยังดูแลง่าย เพียงห้ามหนังศีรษะโดนน้ำภายใน 24 ชั่วโมงแรก จากนั้นผู้เข้ารับการรักษาสามารถสระผมหรือเช็ดผมอย่างเบามือได้ตามปกติ โดยเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดเส้นผมที่อ่อนโยนในช่วงสัปดาห์แรก หลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ รวมถึงระมัดระวังในการออกกำลังกาย เท่านี้ก็จะทำให้ผู้เข้ารับการรักษารู้สึกได้ถึงผลลัพธ์ที่ชัดเจนและเปี่ยมประสิทธิภาพได้ภายหลังการทำทรีทเม้นท์เพียงไม่กี่ครั้ง

รู้จัก “เซลล์รากผม” ปัจจัยสู่ผมใหม่ที่ได้คุณภาพ
ศาสตร์การปลูกผมนั้น ไม่ใช่เรื่องยากหรือซับซ้อนเกินกว่าที่เราจะลองทำความเข้าใจในเบื้องต้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สำหรับคนที่กำลังสนใจศึกษาเกี่ยวกับปัญหาเส้นผม หรือกำลังจะเข้ารับปลูกผมนั้น การทำความรู้จักกับ “ผม” ให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น จะช่วยให้เราเห็นภาพรวมของการรักษาได้ชัดเจน 

วันนี้ เราจะมาเจาะลึกถึงระดับ “เซลล์รากผม” ซึ่งเป็นตัวแปรสำคัญที่จะสามารถชี้วัดผลลัพธ์ความสำเร็จในการปลูกผมของแต่ละคนได้ หากใครมีเซลล์รากผมที่สมบูรณ์ ก็เท่ากับมีต้นทุนที่ดีในการปลูกผมใหม่ให้ได้คุณภาพนั่นเอง

“รากผม” คือส่วนที่ฝังตัวอยู่ในเนื้อเยื่อของหนังศีรษะ โดยใน 1 รากผม จะประกอบด้วยต่อมรากผมประมาณ 5 ล้านต่อม และต่อมรากผมแต่ละต่อมนั้น จะมีปุ่มปลายแหลม 1 ปุ่ม ซึ่งเชื่อมต่อกับเส้นประสาทและเส้นเลือด ทั้งยังมีส่วนสำคัญในการแบ่งเซลล์รากผมเพื่อการเจริญเติบโตของเส้นผมอีกด้วย ดังนั้น เซลล์รากผมที่แข็งแรง จึงส่งผลให้เส้นผมของเราอยู่คงทนไม่หลุดร่วงไปง่าย ๆ

ว่าแต่ว่า ในการปลูกผม ทำไมแพทย์จึงต้องโฟกัสที่คุณภาพเซลล์รากผมด้านหลังด้วยล่ะ 

นั่นก็เป็นเพราะว่า บริเวณท้ายทอยด้านหลังศีรษะไปจนถึงหลังใบหูของเรา คือส่วนของ “Safe zone” หรือโซนที่เส้นผมมีความแข็งแรง ทนทานต่อการหลุดร่วงมากที่สุด โดยคิดเป็นพื้นที่ประมาณ 1 ใน 4 ของหนังศีรษะทั้งหมด แพทย์จึงเลือกนำผมจากโซนนี้ มาปลูกใหม่ในบริเวณที่เป็นปัญหา

และถ้าใครสงสัยว่า ทำไมผมในโซนนี้จึงแข็งแรงกว่าโซนอื่น ก็ต้องอธิบายก่อนว่า บริเวณหนังศีรษะของเรา มีเจ้าฮอร์โมนที่ชื่อ DHT หรือ Dihydrotestosterone ซึ่งจะออกฤทธิ์ยับยั้งกระบวนการสร้างเส้นผมจนเกิดความผิดปกติขึ้น ทำให้เส้นผมหลุดร่วงในปริมาณมาก อีกทั้งเส้นผมที่ขึ้นใหม่ก็เล็กบางและอ่อนแอ นับเป็นสาเหตุสำคัญของอาการผมร่วงไปจนถึงผมล้านเลยทีเดียว 

แต่โชคดีที่ผมบริเวณ Safe zone นั้น ไม่มีตัวรับฮอร์โมน DHT จึงรอดจากการถูกทำลาย ที่สำคัญ ถ้าย้ายผมจากส่วนนี้ไปปลูกยังพื้นที่ใหม่เช่นด้านหน้าหรือกลางศีรษะ คุณสมบัติต้านอิทธิพลของ DHT ก็จะยังติดตัวไปด้วย เพราะฉะนั้นแล้ว ผมบริเวณ Safe zone ด้านหลังท้ายทอย จึงเป็นผมส่วนที่แพทย์จะต้องประเมินคุณภาพและปริมาณทุกครั้ง เพื่อวางแผนการรักษาให้เหมาะสมที่สุดนั่นเอง

ปกติแล้ว เวลาที่แพทย์เจาะนำผมด้านหลังออกมา จะอยู่ในรูปของ “กราฟต์ผม” หมายถึงกอผม หรือกลุ่มของเส้นผมที่อยู่รวมกันตั้งแต่ 1 – 4 เส้นภายในรูขุมขนเดียว ซึ่งจะแตกต่างกันไปในแต่ละคน ทั้งนี้ คุณภาพของกราฟต์ผมนั้น จะเห็นได้ชัดเจนอีกครั้งในวันที่ปลูกผม เมื่อแพทย์เจาะนำกราฟต์ผมออกมาเรียบร้อยแล้ว 

  • หากกราฟต์ผมของเรา มีเส้นผมอยู่เพียง 1 – 2 เส้น และมีกราฟต์ผมเช่นนี้เป็นจำนวนมาก การปลูกผมใหม่ให้ดูหนาแน่นก็อาจเป็นไปได้ยาก ในกรณีพื้นที่ที่ต้องการปลูกผมใหม่กินบริเวณเป็นวงกว้าง

  • หากกราฟต์ผมของเรา มีเส้นผม 3 – 4 เส้น และมีกราฟต์ผมเช่นนี้เป็นจำนวนมาก ก็อาจเรียกได้ว่า เรามีกราฟต์ผมที่ได้คุณภาพ เมื่อย้ายไปปลูกใหม่ จะสามารถปลูกได้หนาแน่นถึง 60 กราฟต์ต่อตารางเซนติเมตรเลยทีเดียว 





หลังจากนั้น กราฟต์ผมที่แพทย์เจาะออกมา จะได้รับการคัดแยกและตกแต่ง เพื่อให้เหมาะสมกับการนำไปปลูกในพื้นที่ต่าง ๆ กัน ดังนี้

  • แพทย์จะแบ่งกราฟต์ผม ให้เหลือเพียงผม 1 เส้น ในกรณีปลูกผมใหม่บริเวณไรผมด้านหน้า ซึ่งต้องการผมขนาดเส้นเล็ก ๆ บาง ๆ

  • แพทย์จะแบ่งกราฟต์ผม ให้มีขนาด 2 – 4 เส้น ในกรณีปลูกผมใหม่ในบริเวณที่ลึกเข้าไป ซึ่งผมเรียงตัวหนาแน่นกว่า จึงต้องการผมเส้นใหญ่ขึ้น เพื่อความกลมกลืนไปกับเส้นผมเดิม

เพราะอย่างนี้เอง คุณภาพของกราฟต์ผม หรือเซลล์รากผม บริเวณ Safe zone ด้านหลังท้ายทอย จึงเป็นปัจจัยที่อยู่เบื้องหลังผลลัพธ์ผมปลูกใหม่ที่สวย แข็งแรง สุขภาพดี และพร้อมเปลี่ยนคุณเป็นคนใหม่ ที่จะก้าวออกไปใช้ชีวิตด้วยความมั่นใจเต็มร้อยได้อีกครั้ง


New Hairline, New You จุดสตาร์ททุกสไตล์ความสวยของผู้หญิง
ในโลกที่เต็มไปด้วยนิยามความสวยที่หลากหลาย ไม่ว่าผู้หญิงคนไหนก็อยากดูดีในสไตล์ของตัวเอง ซึ่งนอกจากการหมั่นคอยดูแลสุขภาพกายและใจ หรือการเลือกเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายที่ใช่ในแบบของเราเองแล้ว ปฏิเสธไม่ได้ว่า “เส้นผม” หรือทรงผม ก็เป็นหัวใจสำคัญอีกอย่างหนึ่ง ที่จะช่วยสื่อสารความสวยในสไตล์ที่ไม่ซ้ำใครให้กับคุณผู้หญิง 

ส่วนของเส้นผมที่มองข้ามไม่ได้ ก็คือ Hairline หรือแนวไรผม ที่ทำหน้าที่เป็นกรอบหน้าให้กับเจ้าของเส้นผมด้วย Hairline สำคัญขนาดไหน ทำไมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการปลูกผม จึงวางขั้นตอนการออกแบบ Hairline ให้เป็นจุดสตาร์ทขั้นแรก ๆ ในการรักษาและแก้ปัญหาเส้นผม 

...มาสำรวจเส้นทางสู่ผมสวยสุขภาพดีอย่างเป็นธรรมชาติไปพร้อม ๆ กัน...

ปัญหาผมแบบไหน กวนใจคุณผู้หญิง
แม้ว่าภาวะผมร่วงและผมบางในผู้หญิง จะเกิดจากการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรมได้เช่นเดียวกับผู้ชาย แต่ก็จะมีรูปแบบที่ค่อนข้างแตกต่าง เริ่มจากรูปแบบผมบางบริเวณกลางศีรษะ ซึ่งมักเริ่มจากรอยแสกเล็ก ๆ และค่อย ๆ กว้างขึ้นจนเห็นหนังศีรษะชัดเจน เกิดจากการที่สัดส่วนของเส้นผมงอกขึ้นใหม่ มีปริมาณน้อยกว่า เมื่อเทียบกับปริมาณเส้นผมที่หลุดร่วงออกไป อย่างไรก็ตาม ผู้หญิงจะมีโอกาสผมล้านทั้งศีรษะอย่างชัดเจนแบบผู้ชายได้น้อย เนื่องจากปัจจัยฮอร์โมนในร่างกาย

อีกรูปแบบหนึ่งของอาการที่พบเห็นได้บ่อย และสร้างความกังวลให้กับคุณผู้หญิงไม่น้อย คือการที่แนวผมด้านหน้าถอยร่นขึ้นไปจนทำให้หน้าผากกว้าง ลักษณะคล้ายรูปตัว M ทำให้หลาย ๆ คนสูญเสียความมั่นใจในการออกไปพบปะผู้คนในชีวิตประจำวัน 

ออกแบบ Hairline จุดสตาร์ททุกสไตล์ความสวย
ในขั้นตอนการประเมินแนวทางการรักษา แพทย์จะรับฟังความต้องการของคนไข้ ทำความเข้าใจลักษณะของปัญหาผม และพิจารณาถึงโอกาสความเป็นไปได้ในการปลูกผมให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุด ซึ่งนอกจากต้องประเมินพื้นที่ปลูก และคำณวนจำนวนกราฟต์ผมที่จะต้องนำออกจากบริเวณท้ายทอย มาปลูกยังบริเวณที่เป็นปัญหาแล้ว แพทย์ยังลงมือออกแบบเส้น Hairline หรือกรอบหน้าใหม่ให้กับคนไข้ด้วย ขั้นตอนนี้เป็นขั้นตอนสำคัญทีเดียว เพราะ Hairline ที่ใช่ อาจเปลี่ยนคุณเป็นคนใหม่ได้ในทันที!!




วิเคราะห์กรอบหน้า
ในการออกแบบ Hairline ใหม่นั้น แพทย์จะเริ่มจากการวิเคราะห์กรอบหน้าของคนไข้ก่อน โดยศึกษากล้ามเนื้อใบหน้าแต่ละส่วน และสังเกตทุกรายละเอียดความงามเฉพาะตัวของแต่คน จากนั้นจึงร่างเส้น Hairline ใหม่ให้สอดรับกับสัดส่วนใบหน้า โดยนำหลัก Golden Ratio หรือสัดส่วนทองมาช่วยในการออกแบบ ซึ่งต้องคำนึงถึงเพศ วัย และทรงผมเดิมของคนไข้ด้วย 

นี่จึงเป็นขั้นตอนที่แพทย์ต้องอาศัยมุมมองทางศิลปะในการออกแบบ เพื่อให้ได้เส้น Hairline ที่เหมาะสมเฉพาะแต่ละบุคคล สามารถสะท้อนตัวตนและความงามที่บ่งบอกถึงความเป็นคุณเท่านั้น




วิเคราะห์โครงสร้างของเส้นผม
Hairline คือแนวไรผม หรือกลุ่มของกอผมที่เรียงตัวกันตามแนวกรอบใบหน้า หากลองสังเกตจะพบว่า ไรผมของคนเรามักจะมีลักษณะเป็นเส้นเล็ก ๆ บาง ๆ แล้วจึงค่อย ๆ ไล่ระดับความหนาขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งเราสามารถแบ่งลักษณะของเส้นผมแต่ละแนวได้ดังนี้

แนวที่ 1 เส้นผมบาง หรือ Fine follicle ที่อยู่ด้านนอกสุด 
แนวที่ 2 เส้นผมเดี่ยว หรือ Single follicle ที่อยู่แนวลึกเข้ามา
แนวที่ 3 กอผมที่มีหลายเส้น หรือ Multiple follicles ซึ่งอยู่ด้านในสุด 

Hairline ใหม่ = คุณคนใหม่
หลังจากแพทย์วิเคราะห์กรอบหน้าและโครงสร้างของเส้นผมเรียบร้อยแล้ว แพทย์จะลงมือร่างเส้น Hairline ใหม่ ซึ่งจะทำหน้าที่แตกต่างกันสำหรับผู้หญิงและผู้ชาย 

กล่าวคือ  ขณะที่แพทย์ออกแบบเส้น Hairline สำหรับผู้ชาย โดยเน้นหน้าผากกว้างและสูงเป็นทรงเหลี่ยม ส่วนแนวผมด้านข้างปรับเป็นมุมแหลมหรือรูปตัววี และเลือกปลูกผมเส้นใหญ่แข็งแรง เพื่อขับกรอบหน้าคุณผู้ชายให้ดูคมเข้มโดดเด่น เสริมลุคสมาร์ทน่ามอง 

สำหรับคุณผู้หญิง แพทย์จะออกแบบวงกรอบหน้าให้ดูโค้งมน หวานละมุน และไล่ระดับความหนาบางของเส้นผม จนคุณผู้หญิงแลดูอ่อนเยาว์ขึ้น สดใสขึ้น ส่งให้รูปลักษณ์และบุคลิกภาพดีขึ้น จนเรียกคืนความมั่นใจกลับมาได้ในที่สุด





ใส่ใจในเส้นผมปลูกใหม่ทุก ๆ เส้น
และเมื่อถึงเวลาปลูกผมใหม่ ขั้นตอนนี้เรียกได้ว่าเป็นขั้นตอนที่ต้องอาศัยความพิถีพิถันละเมียดละไม และใส่ใจแบบสุด ๆ เพราะอย่างที่ทราบกันแล้วว่า เส้นผมแต่ละบริเวณ แต่ละตำแหน่ง มีขนาดและความหนาแน่นไม่เท่ากัน กลายเป็นโจทย์ที่ท้าทายสำหรับแพทย์ ในการปลูกผมใหม่ให้แลดูกลมกลืนเป็นธรรมชาติ ไม่ต่างจากผมเดิมของคนไข้

ถึงตรงนี้ การทำความรู้จัก “กราฟต์ผม” จะช่วยให้เราเข้าใจการทำงานของแพทย์ได้ดีขึ้น กราฟต์ผม หรือกอผม เป็นกลุ่มของเส้นผมที่อยู่รวมกันตั้งแต่ 1 – 4 เส้น แตกต่างกันไปในแต่ละคน กราฟต์ผมของเราจะถูกประเมินโดยแพทย์ตั้งแต่ในขั้นตอนแรก ว่ามีปริมาณและความหนาแน่นมากน้อยแค่ไหน เพื่อวางแผนการปลูกผมให้ออกมาสมบูรณ์แบบที่สุด ซึ่งผมปลูกใหม่อาจมีความหนาแน่นได้ถึง 60 – 70 ตารางเซนติเมตร

เมื่อแพทย์ทำการย้ายกราฟต์ผมจากด้านหลังท้ายทอยออกมาแล้ว จะต้องนำกราฟต์ผมมาคัดแยก ให้ได้เส้นผมที่แข็งแรง ตามขนาด และทิศทางที่ต้องการ เช่น หากเป็นผมบริเวณที่อยู่ลึกเข้าไป ซึ่งเรียงตัวกันค่อนข้างหนาแน่น แพทย์สามารถใช้กราฟต์ผมที่มีขนาด 2 – 4 เส้น เพื่อความกลมกลืนกับเส้นผมเดิม 

แต่หากเป็นแนวไรผมด้านหน้า ที่แพทย์วาดเส้น Hairline ให้ใหม่ ก็อาจจำเป็นต้องแบ่งกราฟต์ผม ให้เหลือเพียง 1 – 2 เส้นเท่านั้น โดยเลือกเส้นผมที่มีขนาดเล็กและบาง เหมาะสมกับตำแหน่งที่จะปลูกลงไป ตามที่แพทย์ได้วิเคราะห์โครงสร้างเส้นผมเอาไว้นั่นเอง

ปลายทางผลลัพธ์ผมสวยเป็นธรรมชาติ
เมื่อสตาร์ทด้วยการออกแบบ Hairline โดยวิเคราะห์กรอบหน้าและโครงสร้างเส้นผมอย่างถูกต้อง ปลายทางผลลัพธ์ที่ได้ จึงเกิดเป็นผมสวย สุขภาพดี แลดูเป็นธรรมชาติอย่างที่คุณรอคอย โดยสังเกตลักษณะของเส้นผมได้ดังนี้ 

  • ขนาดของเส้นผมใหม่ กลมกลืนไปกับเส้นผมเดิม ทั้งในบริเวณที่เส้นผมมีขนาดเล็กบาง หรือบริเวณที่เส้นผมหนา
  • ความหนาแน่นของผมใหม่ มีความหนาแน่นกำลังดี อยู่ที่ 60 – 70 ตารางเซนติเมตร ไม่แน่นหรือบางจนเกินไป
  • ทิศทางของเส้นผมใหม่ เรียงตัวเป็นทิศทางเดียวกันกับเส้นผมเดิม
  • องศาของเส้นผมใหม่ มีการวางตัว หรือเอนตัวในระดับองศาเดียวกันกับเส้นผมเดิม
  • ความลึกของเส้นผมใหม่ ความลึกที่เหมาะสมจะช่วยการันตีว่า ผมใหม่จะได้รับสารอาหารที่ลำเลียงมากับเส้นเลือด และส่งต่อมายังรากผมได้อย่างเต็มที่ เพื่อให้ผมใหม่เติบโตอย่างสมบูรณ์แข็งแรง

ผลลัพธ์ทั้งหมดนี้ จะเกิดขึ้นได้ ต้องอาศัยความเชี่ยวชาญและความใส่ใจของแพทย์ อย่างเช่นที่นามนิน นอกจากออกแบบ Hairline ใหม่แล้ว แพทย์จะเป็นผู้บรรจงปลูกผมด้วยตัวเอง ทีละกราฟต์ ทีละกราฟต์ ทั้งยังเลือกใช้เครื่องมือมากประสิทธิภาพที่นำเข้าจากต่างประเทศ นั่นคือ Implanter ที่มีเส้นรอบวงของหัวเข็มขนาดเล็กพิเศษเพียง 0.60 มิลลิเมตร ช่วยให้แพทย์ค่อย ๆ ปักผมได้ละเอียด หนาแน่น ควบคุมความลึกในการปักได้อย่างแม่นยำ วางองศาในการปัก และเรียงทิศทางได้อย่างเหมาะสม ยิ่งไปกว่านั้น ยังเหลือไว้เพียงแผลขนาดเล็กจิ๋ว เลือดออกน้อย ดูแลง่าย ทำให้คนไข้ไม่ต้องพักฟื้น และพร้อมออกไปใช้ชีวิตได้ทันที

แน่นอนว่า นามนิน จะมอบประสบการณ์การปลูกผมที่พิเศษสุดให้คุณตั้งแต่จุดสตาร์ท และนำคุณส่งถึงจุดหมายปลายทาง ซึ่งจะเปลี่ยนคุณเป็นคนใหม่ที่มั่นใจและยิ้มให้กับตัวเองรวมถึงคนรอบข้างได้กว้างกว่าเดิม



ปลูกผมถาวร เริ่มเร็วผลลัพธ์ดี
สิ่งที่หลายคนยังไม่ทราบคือ “การรักษาด้วยการปลูกผมถาวรต้องใช้เส้นผมของตัวคนไข้เองเท่านั้น” นี่จึงเป็นสาเหตุว่า ทำไมจึงควรพบแพทย์ทันทีหากเริ่มประสบปัญหาผมร่วง ผมบาง เพราะหากยิ่งปล่อยให้อาการผมร่วงและผมบางรุนแรงหรือขยายวงกว้างขึ้น การแก้ปัญหาด้วยการปลูกผมถาวร ก็จะยิ่งเป็นไปได้ยาก หรือแทบเป็นไปไม่ได้เลย ซึ่งจากประสบการณ์การรักษาของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ พบว่าในคนไข้ที่ผมร่วงตั้งแต่หน้าผากไปจนถึงกลางศีรษะเป็นบริเวณกว้าง การจะนำกราฟต์ผมจากด้านหลังท้ายทอย ซึ่งเป็นเส้นผมที่แข็งแรงทนทานต่อการหลุดร่วงมากที่สุด มาปลูกใหม่ยังบริเวณที่เป็นปัญหา อาจไม่สามารถเฉลี่ยกราฟต์ผมเพื่อช่วยเติมเต็มบริเวณเส้นผมที่หลุดร่วงหายไปได้ครบถ้วนทั่วทุกจุด เนื่องจากต้นทุนเส้นผมบริเวณท้ายทอยนั้นมีอยู่จำกัด อาจไม่เพียงพอที่จะทดแทนเส้นผมบริเวณอื่นได้ทั้งหมด หากคุณกำลังประสบกับปัญหาผมร่วง ผมบาง และกำลังมองหาวิธีการรักษาที่ได้ผลดีที่สุด แนะนำว่าควรปรึกษาแพทย์เพื่อวิเคราะห์ถึงสาเหตุที่แท้จริง เพื่อแพทย์จะได้แนะนำการรักษาที่ถูกต้อง และได้ประสิทธิภาพอย่างที่คุณพอใจ




ที่นามนิน คลินิก ตระหนักดีว่า “เส้นผม” เป็นมากกว่าแค่องค์ประกอบเล็ก ๆ ส่วนหนึ่งของร่างกาย แต่เข้าใจถึงความหมายและความสำคัญของเส้นผม ว่าเป็นเครื่องสะท้อนถึงบุคลิกภาพและตัวตน ยิ่งไปกว่านั้น การปลูกผมยังเป็นทั้ง “ศาสตร์” และ “ศิลป์” ที่ต้องประกอบไปด้วยหลักวิชาเพื่อผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพด้านความปลอดภัยและความสะดวกสบาย การปลูกผมไม่ควรส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันของผู้รับบริการ และยังต้องคำนึงถึงผลลัพธ์ด้านความสวยงามและความเป็นธรรมชาติของเส้นผมที่ได้รับการปลูกขึ้นใหม่ด้วย แพทย์จะประเมินแนวทางการรักษาที่เหมาะกับลักษณะปัญหาของผู้ที่ตัดสินใจเข้ามาปรึกษาแต่ละคนให้มากที่สุด โดยพิจารณาจากความกังวลของผู้เข้ารับบริการเป็นลำดับแรก หลังจากการประเมินปัญหาแล้ว แพทย์จะอธิบายข้อมูลอย่างชัดเจนและตรงไปตรงมาถึงขั้นตอนการรักษาและความเป็นไปได้ของผลลัพธ์การรักษา เพื่อให้ผู้เข้ารับบริการได้นำข้อมูลทั้งหมดไปตัดสินใจเอง โดยไม่มีการชี้นำหรือบังคับใดๆทั้งสิ้น และแพทย์จะเป็นผู้ดูแลทุกขั้นตอนการรักษาด้วยตนเอง 





ที่นามนิน ใช้การปลูกผมเทคนิค N/E/A/T ซึ่งมีจุดเด่น ตั้งแต่การออกแบบ Hairline ระหว่างแพทย์กับคนไข้เพื่อให้ได้กรอบหน้าใหม่ที่สวยงามรับกับโครงหน้า การซ่อนแผลด้านหลังกับผมทรงเดิม การปลูกผมด้วย Implanter ขนาดเล็กเพียง 0.60 มม.ทำให้แผลมีขนาดเล็ก ไม่เจ็บขณะทำการปลูกผม และฟื้นตัวได้ไว ผลลัพธ์ที่ได้คือ ผมที่ขึ้นใหม่ดูหนาและกลมกลืนไปกับผมเดิม รวมไปถึงความประณีตในการจัดวางรากผมให้มีองศาและทิศทางเป็นไปในทิศทางเดียวกันอย่างเป็นธรรมชาติ ซึ่งทุกขั้นตอนเต็มไปด้วยความใส่ใจจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ

ดังนั้นหากคุณกำลังหาวิธีดูแลรักษาปัญหาผมร่วงผมบาง แนะนำว่าควรรีบปรึกษาแพทย์เพื่อวิเคราะห์ถึงสาเหตุที่แท้จริง เพื่อแพทย์จะได้แนะนำการรักษาที่ถูกต้องและรักษาให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด อย่าปล่อยให้กลายเป็นปัญหาเรื้อรังที่ทำให้คุณขาดความมั่นใจจนสูญเสียความเป็นตัวเอง เลือกที่จะเปลี่ยนเป็นคนใหม่กับบุคลิกภาพที่ดูดีได้ ด้วยการตัดสินใจของตัวคุณเอง


ทำไมผู้ชายเสี่ยง “ผมล้าน” มากกว่าผู้หญิง
"ไม่ใช่คำสาปหรือความลำเอียงของพระเจ้า แต่เรื่องของเส้นผมบนศีรษะของคนเรา เป็นลักษณะที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติล้วน ๆ"

วันนี้ เราจะเปิดบทเรียนชีววิทยาเล็ก ๆ ที่จะช่วยไขความลับระดับพันธุกรรม และตอบคำถามว่า ทำไมกันนะ ผู้ชายจึงมีความเสี่ยงที่จะเกิดอาการ “ผมล้าน” และ “ผมร่วง” มากกว่าผู้หญิง

ผู้หญิงกับผู้ชายมีลักษณะทางกายภาพโดยทั่วไปที่แตกต่างกันเป็นปกติอยู่แล้ว เช่นเดียวกับในเพศผู้หรือเพศเมียของสัตว์ ซึ่งแน่นอนว่า จะต้องมี “ยีน” หรือ “หน่วยควบคุมลักษณะทางพันธุกรรม” ที่เกี่ยวข้องเชื่อมโยงกับ “เพศ” อยู่ 

หากยีนเหล่านั้นมีตำแหน่งอยู่บน “โครโมโซมเพศ” โดยตรง (Sex-linked traits) เพศก็จะมีผลต่อการแสดงออกของยีน แต่ถ้ายีนเหล่านั้นมีตำแหน่งอยู่บน “ออโตโซม” นั่นแปลว่า ไม่ใช่แค่เพศเท่านั้นที่มีผลต่อการแสดงออกของยีน แต่ยังขึ้นอยู่กับปัจจัยอื่น อย่างเช่นฮอร์โมนในร่างกายด้วย ซึ่งจะพบได้ใน 2 รูปแบบต่อไปนี้

  • ลักษณะทางพันธุกรรมจำกัดเพศ หรือ Sex-limited traits
แม้ว่าทั้งผู้หญิงและผู้ชายต่างก็มียีนควบคุมลักษณะเช่นนี้อยู่บนออโตโซม แต่ลักษณะดังกล่าวจะแสดงออกในเพศใดเพศหนึ่งเท่านั้น ตัวอย่างง่าย ๆ เช่น การที่ผู้ชายมีหนวดเครา มีเสียงห้าว หรือการที่ผู้หญิงสามารถผลิตน้ำนมเลี้ยงลูกได้ ซึ่งฮอร์โมนจะเป็นตัวควบคุมให้ลักษณะนี้เกิดเพียงแค่เฉพาะในผู้ชายหรือผู้หญิง

  • ลักษณะทางพันธุกรรมที่อยู่ภายใต้อิทธิพลของเพศ หรือ Sex-influenced traits
เช่นเดียวกัน ทั้งผู้หญิงและผู้ชายต่างก็มียีนควบคุมลักษณะเช่นนี้อยู่บนออโตโซม และลักษณะดังกล่าวจะแสดงออกได้ในทั้งเพศชายและเพศหญิง โดยมีฮอร์โมนเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เราพบลักษณะเหล่านี้ได้มากในเพศหนึ่ง และพบได้น้อยในอีกเพศหนึ่ง 




ตัวอย่างที่ชัดเจนของที่สุดของรูปแบบนี้ ก็คือลักษณะ “ผมล้าน” ที่เกิดขึ้นได้ทั้งสองเพศ แต่มักพบในผู้ชายมากกว่าผู้หญิง เนื่องจากเพศชายมีฮอร์โมนเทสโทสเตอโรน (Testosterone) มากกว่านั่นเอง และหากผู้หญิงคนไหนที่มีฮอร์โมนเทสโทสเตอโรนในระดับสูง ก็จะเกิดอาการ “ผมล้าน” ได้มากกว่าปกติเช่นกัน

สำหรับผู้ที่ได้รับการถ่ายทอดลักษณะผมล้านผ่านทางพันธุกรรม หรือที่เรียกว่า Androgenetic alopecia นั้น จะพบว่าเอนไซม์ 5-alpha reductase ที่บริเวณหนังศีรษะมีปริมาณเพิ่มขึ้น ซึ่งเอนไซม์ที่ว่านี้ จะไปเปลี่ยนฮอร์โมนเทสโทสเตอโรน ให้กลายเป็นฮอร์โมนไดไฮโดรเทสโทสเตอโรน (dihydrotestosterone) หรือ DHT 

เจ้าฮอร์โมน DHT นี่เอง คือตัวการที่ส่งผลให้รูขุมขนบริเวณหนังศีรษะเล็กลง ทำให้เส้นผมเกิดใหม่มีรากผมอ่อนแอ เส้นบางและสั้นลง จนหลุดร่วงเร็วกว่าปกติ เป็นที่มาของอาการผมร่วง ผมบาง และผมล้าน ที่พบในผู้ชายได้มากกว่าผู้หญิงนั่นเอง








น่าสังเกตอีกอย่างหนึ่งว่า ลักษณะผมล้าน เรียกได้ว่าเป็น Polygenic trait หรือเป็นลักษณะทางพันธุกรรมที่ถูกควบคุมด้วยยีนหลายคู่ และมีระดับการแสดงออกของอาการแตกต่างกันไปหลายระดับ เช่นสีตาของมนุษย์ เกิดจากการที่ยีนส่งผลต่อการสร้างเม็ดสีเมลานิน ทำให้ตามีสีน้ำตาลเข้ม ไล่มาจนถึงสีน้ำตาลอ่อน รวมไปถึงตัวอย่างอื่น ๆ เช่นลักษณะสีผิว ลักษณะความสูง ตลอดจนสีของเมล็ดพืชหรือขนาดของผลไม้ด้วย ที่สำคัญ ยีนเหล่านี้ รวมถึงยีนผมล้าน อาจได้รับการถ่ายทอดมาจากฝั่งพ่อหรือแม่ก็ได้ ไม่จำเป็นต้องรับมาจากฝั่งพ่อเพียงฝ่ายเดียว


การทำความเข้าใจที่มาของอาการผมร่วง ผมบาง และผมล้าน ผ่านรหัสพันธุกรรมที่แม้มองด้วยตาเปล่าไม่เห็น จะช่วยให้การรับมือกับปัญหาเส้นผม เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้ เมื่อเราเริ่มรู้สึกกังวลจากอาการผมร่วงหรือผมบาง ควรรีบปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเส้นผมโดยไม่จำเป็นต้องรอให้อาการรุนแรงขึ้น หรืออายุมากขึ้น เนื่องจากหากแพทย์มีโอกาสวินิจฉัยได้เร็ว ก็จะช่วยให้ทราบว่าคนไข้มีระดับความเสี่ยงสูงแค่ไหนที่จะเกิดปัญหาผมล้านในอนาคต และรีบรักษาอย่างถูกวิธีตั้งแต่ระยะเริ่มต้น เพื่อให้ผมสวยสุขภาพดีอยู่คู่กับหนังศีรษะของเราไปนาน ๆ 



FUE หรือ DHI เข้าใจก่อนปลูกผม
หากคุณเป็นคนหนึ่งที่กำลังค้นคว้าหาข้อมูลเพื่อตัดสินใจเลือกวิธีการปลูกผมที่ “ใช่” สำหรับตัวเอง และอาจจะกำลังหลงทางอยู่ท่ามกลางตัวย่อคำศัพท์สารพัดเทคนิคที่ท่วมท้นอยู่ในโลกอินเทอร์เน็ต ลองมาทำความเข้าใจตัวย่อคำศัพท์ที่เกี่ยวของกับการปลูกผมเหล่านี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเทคนิค FUE กับ DHI ที่คนทั่วไปมักสับสนว่าเทคนิคไหนดีกว่ากัน

เฉลยตรงนี้เลยแล้วกันว่า เราไม่สามารถนำเทคนิค FUE หรือ DHI มาเปรียบเทียบแบบตรงตัวว่าเทคนิคไหนดีไปกว่ากันได้ เพราะไม่ว่าคุณจะเลือกอยู่ #ทีมFUE หรือเลือกอยู่ #ทีมDHI มีความเป็นไปได้มากว่าคุณอาจจะจับมืออยู่ทีมเดียวกันแล้วนั่นเอง!!

ทำไมจึงไม่ควรนำเทคนิค FUE และ DHI มาเปรียบเทียบกันแบบตรง ๆ นั่นก็เป็นเพราะว่า FUE เป็นชื่อเรียก “เทคนิคการปลูกผม” ซึ่งเน้นที่รูปแบบการนำผมออกจากบริเวณ Donor Area ขณะที่ DHI นั้นเป็นชื่อที่อธิบายถึงลักษะการใช้ “เครื่องมือในการปักกราฟต์ผม” ดังนั้น คุณสามารถที่จะเลือกใช้เทคนิค FUE โดยใช้เครื่องมือแบบ DHI ก็เป็นได้

และหากคุณต้องการชั่งน้ำหนักหรือทางเลือกในการตัดสินใจ ลองจับคู่ศัพท์เทคนิคเหล่านี้ใหม่ให้ถูกต้อง เพื่อเคลียร์ทุกข้อสงสัยไปพร้อม ๆ กัน โดยเริ่มต้นจากการทำความเข้าใจความหมายของ FUE และ FUT ก่อน ทั้งสองคำนี้ เรียกได้ว่าเป็นเทคนิคการปลูกผมตามนิยามของ ISHRS หรือ International Society of Hair Restoration Surgeon ซึ่งแบ่งวิธีการปลูกผม ตามวิธีการนำผมออกจาก Donor Area ด้านหลังท้ายทอย

FUT หรือ Follicular Unit Transplant เป็นการผ่าตัดนำหนังศีรษะด้านหลังท้ายทอยออกมาทั้งชิ้น แล้วจึงค่อยนำมาแยกกราฟต์ผมด้วยกล้องจุลทรรศน์

FUE หรือ Follicular Unit Excision เป็นการใช้เครื่องมือขนาดเล็กเจาะเพื่อนำกราฟต์ผมออกมาจากด้านหลังท้ายทอยทีละกราฟต์ 

เทคนิค FUT จึงเหมาะกับผู้ที่จำเป็นต้องนำกราฟต์ผมออกมาจาก Doner Area เป็นจำนวนมากในเวลาอันสั้น แต่ก็มีข้อเสียคือรอยแผลเป็นที่เกิดจากการผ่าตัดยาวประมาณ 15 – 30 เซนติเมตร ทำให้ต้องไว้ผมยาวเพื่อปกปิดรอยแผล

ส่วนเทคนิค FUE นั้น แน่นอนว่าจะทิ้งไว้เพียงรอยแผลขนาดเล็ก ๆ กระจายทั่วบริเวณ Doner Area ด้านหลังศีรษะ ซึ่งหากมีการเจาะนำกราฟต์ผมออกมามากเกินไป ก็อาจทำให้ผมในบริเวณนั้นดูบางลงได้ แต่ไม่ต้องกังวลใจเพราะแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะเป็นผู้ช่วยวิเคราะห์ว่าเทคนิคการปลูกผมแบบใดที่ตอบโจทย์ของคนไข้มากที่สุด

สำหรับ DHI นั้น ไม่ใช่ชื่อเทคนิคที่บัญญัติโดย ISHRS แต่เป็นคำที่บ่งบอกถึงลักษณะเครื่องมือที่ใช้ในการปลูกผมใหม่ และไม่ว่าคุณจะเลือกเทคนิค FUE หรือ FUT ก็สามารถเลือกใช้วิธีการปักกราฟต์ผมใหม่แบบ DHI ได้ทั้งคู่ โดย DHI ย่อมาจาก Direct Hair Implantation หมายถึงการใช้ Implanter Pen  หรืออุปกรณ์ขนาดเล็กพิเศษ นำกราฟต์ผมปักลงไปยังบริเวณที่ต้องการปลูกผมใหม่

คู่เปรียบเทียบที่เหมาะกับ DHI จึงน่าจะเป็นการใช้วิธีดั้งเดิมในการเจาะรูบนหนังศีรษะ แล้วนำ Forceps หรืออุปกรณ์คีมเล็ก ๆ คีบกราฟต์ผมมาปักลงไปทีละกราฟต์ ซึ่งมีโอกาสสร้างความเสียหายแก่รากผม ขณะเดียวกันการใช้ Implanter Pen ในเทคนิค DHI จะช่วยให้ปักกราฟต์ผมได้ละเอียด แม่นยำ และรวดเร็วกว่า ทั้งยังช่วยให้แพทย์สามารถควบคุมความลึกในการปัก ตลอดจนทิศทางหรือองศาของเส้นผมใหม่ได้ดีขึ้นด้วย จนอาจเรียกได้ว่าเป็นวิธีการปักกราฟต์ผมใหม่ หรือ Graft placement ที่ดีที่สุดในปัจจุบัน

ดังนั้น ไม่ว่าคุณจะลงเอยกับเทคนิค FUE หรือ FUT ในการนำกราฟต์ผมออกจากด้านหลังท้ายทอย คุณก็สามารถเลือกใช้เทคนิค DHI ในการปักกราฟต์ผมเพื่อคืนความหนาแน่นในบริเวณที่เป็นปัญหาได้ 

ซึ่งที่นามนิน เราได้เลือกสรรเทคนิคทั้ง FUE และ DHI มาพัฒนาด้วยประสบการณ์ของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
จนเกิดเป็นเทคนิค NEAT หรือ Namnin Exclusive Advanced Hair Transplant Technique 
เทคนิคการปลูกผมขั้นสูงเอกสิทธิ์เฉพาะของนามนิน 

โดยใช้อุปกรณ์ขนาดเล็กถึง 0.60 มม.เจาะย้ายกราฟท์ผมออกจากด้านหลังท้ายทอย โดยไม่ต้องผ่าตัด และยังเสริมด้วยเทคนิคแบบขั้นบันไดเพื่อซ่อนแผลขนาดเล็กไว้ได้แนบเนียนยิ่งกว่า 

จากนั้น แพทย์ผู้เชี่ยวชาญของนามนินจะเป็นผู้ลงมือปักกราฟท์ผมใหม่เองทีละกราฟต์ ด้วยเทคนิค DHI ซึ่งเป็นการใช้ Implanter Pen ขนาดเล็กพิเศษเพียง 0.6 มิลลิเมตร เพื่อผลลัพธ์ผมใหม่ที่แข็งแรง หนาแน่น เรียงตัวกลมกลืนเป็นธรรมชาติกับเส้นผมเดิม อีกทั้งยังลดอาการเจ็บระหว่างปลูกผม แผลเล็ก เลือดออกน้อย คนไข้จึงไม่จำเป็นต้องพักฟื้น 

ที่สำคัญ แพทย์ยังช่วยออกแบบปรับแต่งกรอบหน้าใหม่ให้ดูอ่อนเยาว์ยิ่งขึ้น จนคุณสามารถก้าวออกไปใช้ชีวิตได้อย่างมั่นใจ พร้อมเปลี่ยนเป็นคุณคนใหม่ได้ทันที


คุณรัก “ผม” มั้ย เมื่อเส้นผมคือสิ่งชูใจ ความสุข และบุคลิกภาพ
สำหรับหลาย ๆ คนแล้ว เส้นผมเป็นเพียงส่วนประกอบเล็ก ๆ ที่แสนธรรมดาของร่างกาย มีหลุดร่วง มีงอกขึ้นใหม่ เป็นไปตามวงจรธรรมชาติของเส้นผม แต่ในความธรรมดาที่แสนพิเศษนั้น เส้นผมกำลังทำหน้าที่ที่สำคัญ ไม่แพ้ส่วนอื่น ๆ ของร่างกายเลยทีเดียว

เส้นผมที่ดูบอบบาง ไม่เพียงทำหน้าที่เป็นบอดี้การ์ดปกป้องหนังศีรษะ ไม่ให้สูญเสียความร้อนภายใน หรือสัมผัสกับอากาศภายนอกที่ร้อนหรือหนาวเย็นจนเกินไป แต่ยังเป็นเครื่องประดับชิ้นสำคัญของร่างกาย ช่วยสร้างและเสริมบุคลิกภาพให้ดูดี ช่วยบ่งบอกตัวตนที่มีความเฉพาะตัวไม่ซ้ำใคร บางครั้งก็ช่วยเปลี่ยนลุคให้คนหนึ่งคนปรับสไตล์เป็นใครได้อีกหลายบทบาท ทั้งยังเป็นเครื่องสร้างความมั่นใจในการออกไปใช้ชีวิตและพบปะผู้คน หรือสำหรับบางคน การได้มองตัวเองในกระจกคนเดียว และได้เห็นผมสวยเงางามสุขภาพดี สะท้อนกลับมาพร้อมกับเงาในกระจกด้วย ก็ช่วยเยียวยาจิตใจและอารมณ์ให้รู้สึกดีขึ้นหรือ “รัก” ตัวเองมากขึ้นได้แล้ว 


จึงไม่น่าแปลกใจที่เราจะเห็นคนทุกเพศทุกวัยใจต่างก็พากันใจบางและอ่อนไหวเมื่อเป็นเรื่องของเส้นผม  ทำไมเด็ก ๆ จึงมีปัญหากับการบรรดากฎการไว้ทรงผมต่าง ๆ ในโรงเรียน (จากใจผู้เขียนที่เคยร้องไห้เพราะต้องตัดผมสั้นเท่าติ่งหู) เพราะผมที่ถูดตัดออกไปนั้นเท่ากับการสูญเสียตัวตน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในวัยที่กำลังเติบโตและก่อร่างสร้างตัวตนในสังคม และทำไมผู้ใหญ่จึงต้องหาทางปกปิดอาการผมบางกันแทบทุกวิถีทาง ก็เพราะนั่นคือส่วนหนึ่งของบุคลิกภาพที่น่าเชื่อถือ รวมถึงความอ่อนเยาว์ไม่ดูแก่เกินวัย ผู้ที่ประสบปัญหาจากภาวะผมร่วง ผมบาง ไปจนถึงศีรษะเริ่มล้านในบางคน ถึงกับเสียน้ำตาด้วยความดีใจ หลังจากที่เข้ารับการรักษาแล้ว เส้นผมงอกขึ้นใหม่จนแลดูหนาแน่นแข็งแรง เพราะเส้นผมไม่ใช่แค่ตัวประกอบเล็ก ๆ ของร่างกาย แต่เป็นกุญแจสำคัญที่จะคืนความมั่นใจให้เจ้าของเส้นผมได้ดังเดิม

น่าเสียดายที่คนจำนวนไม่น้อยมาเข้าใจคุณค่าการมีอยู่ของเส้นผม ก็เมื่อวันที่เสียผมไปแล้วหรือเกิดปัญหากับเส้นผมขึ้นแล้วนั่นเอง แต่อย่างไรก็ตาม วิทยาการการรักษาและเทคโนโลยีการปลูกผมในปัจจุบัน ก็สามารถตอบโจทย์ผู้ที่ต้องการแก้ไขอาการผมบาง เพื่อคืนผมสวยสุขภาพดีให้กลับมาหนาแน่นขึ้นได้อย่างเป็นธรรมชาติ หากคุณเป็นคนหนึ่งที่เข้าใจแล้วว่าเส้นผมมีความหมายกับการใช้ชีวิตมากแค่ไหน แต่อาจจะยังลังเลใจว่าจะเลือกวิธีการรักษาแบบไหนดี มาทำความเข้าใจข้อเท็จจริงของ “การปลูกผมถาวรโดยไม่ต้องผ่าตัด” ไปด้วยกัน

ไม่ต้องผ่าตัดแล้วใช้วิธีการอย่างไร... การปลูกผมด้วยเทคนิคใหม่ ๆ ในปัจจุบัน จะใช้อุปกรณ์ขนาดเล็กจิ๋วเจาะนำกราฟต์ผม หรือกลุ่มของเซลล์รากผมจากบริเวณท้ายทอยด้านหลังศีรษะ เพื่อย้ายมาปลูกลงใหม่ ณ บริเวณที่เป็นปัญหา ซึ่งต่างจากวิธีการในอดีตที่ต้องทำการผ่าตัดหนังศีรษะ และทิ้งรอยแผลเอาไว้

แผลน่ากลัวแค่ไหน คนอื่นจะเห็นได้ง่ายหรือไม่... บอกลาความกังวลใจเกี่ยวกับเรื่องแผลเป็นได้เลย เพราะการปลูกผมแบบย้ายเซลล์นั้น ไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องโกนผมด้านหลัง ไม่ต้องกลัวว่าจะอายใคร โดยแพทย์จะใช้เทคนิคซ่อนแผลแบบขั้นบันได ขณะเดียวกันในบริเวณที่ปลูกผมลงไปใหม่ ก็ใช้อุปกรณ์ขนาดเล็กพิเศษในการเจาะเพื่อปักกราฟต์ผม แผลที่เกิดขึ้นจึงมีขนาดเล็กมาก

ปลูกผมเสร็จแล้ว ไม่ต้องพักฟื้นจริงหรือ... หลังการปลูกผมแบบย้ายเซลล์ ผู้เข้ารับการรักษาสามารถลุกขึ้นใช้ชีวิตปกติได้เลยโดยไม่ต้องพักฟื้นหรือลางานในวันรุ่งขึ้น เนื่องจากแทบไม่มีความเจ็บ และแผลก็มีขนาดเล็กมาก ซึ่งเป็นผลมาจากเทคโนโลยีเครื่องมือที่นำเข้าจากต่างประเทศ รวมถึงความเชี่ยวชาญของแพทย์ด้วยนั่นเอง





ทำไมจึงใช้ระยะเวลานานในการรักษา... หลังจากวันที่เข้ารับการปลูกผมเรียบร้อยแล้ว แพทย์จะติดตามอาการอย่างใกล้ชิดเป็นระยะเวลา 1 ปี เนื่องจากเส้นผมมีระยะเวลาการหลุดร่วง เริ่มงอกใหม่ และเติบโตตามวงจรธรรมชาติ เพื่อให้มั่นใจว่าได้ผลลัพธ์การปลูกผมที่สมบูรณ์แบบจริง ๆ 

ผลลัพธ์ผมใหม่ เปลี่ยนคุณเป็นคนใหม่... แน่นอนว่า เมื่อผมที่งอกขึ้นใหม่ เริ่มอวดความแข็งแรง สวยงาม แลดูสุขภาพดี ทั้งยังหนาแน่นแบบกำลังดี และเรียงตัวกลมกลืนไปกับเส้นผมเดิมอย่างเป็นธรรมชาติแล้ว ผู้เข้ารับการรักษาก็เหมือนได้อิสระครั้งใหม่ ปลดล็อกตัวเองจากปัญหากวนใจเรื่องเส้นผม และสามารถก้าวออกไปใช้ชีวิตได้อย่างเต็มที่


ทั้งนี้ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้ลองเข้ามาปรึกษาทันทีหากพบว่าตนเองเริ่มมีปัญหาเกี่ยวกับภาวะผมร่วง ผมบาง โดยไม่ต้องรอให้อาการต่าง ๆ เด่นชัดมากขึ้น หรืออายุมากขึ้น เพราะเมื่อถึงเวลานั้น เราอาจจะเสียโอกาสเรียกคืนผมสวยสุขภาพดีให้กลับมาอีกครั้ง เนื่องจากปัญหาผมรุนแรงเกินกว่าการปลูกผมจะเยียวยาแก้ไขได้แล้ว 

10 เรื่องน่ารู้ของ “Safe Zone” สำหรับคนอยากปลูกผม
หากคุณเป็นคนหนึ่งที่กำลังศึกษาหรือให้ความสนใจในเทคนิคการปลูกผมถาวร เพื่อแก้ปัญหาผมบาง ผมร่วง หรือภาวะผมล้านอยู่ล่ะก็ การทำความรู้จักกับลักษะหรือวงจรเส้นผม และการทำความเข้าใจธรรมชาติของเส้นผมและหนังศีรษะ จะเป็นประโยชน์ต่อการปลูกผมของเรามากทีเดียว โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เส้นผมบริเวณที่เรียกกันว่า Safe Zone 

ว่าแต่เส้นผมบริเวณ Safe Zone หมายถึงอะไร มีความสำคัญแค่ไหน แล้วทำไมคนอยากปลูกผมต้องรู้จักคำคำนี้ ...ไปเคลียร์ข้อสงสัยผ่าน 12 คำถามน่ารู้พร้อม ๆ กัน...


1 Safe Zone คืออะไร

Safe Zone อาจเรียกง่าย ๆ ว่าเป็นพื้นที่ปลอดภัยของเส้นผม หมายถึงบริเวณที่ผมของเรามีความแข็งแรงและทนทานต่อการหลุดร่วงมากที่สุด สังเกตได้ว่าผมในบริเวณนี้จะเรียงตัวกันอย่างหนาแน่น ขนาดของเส้นผมค่อนข้างใหญ่ ไม่ลีบแบน และดูสุขภาพดีเมื่อเทียบกับเส้นผมบริเวณอื่น ๆ ของศีรษะ ซึ่งทั้งหมดนี้ เป็นลักษะทั่วไปโดยธรรมชาติของเส้นผมคนเรานั่นเอง นอกจากคำว่า Safe Zone แล้ว สามารถเรียกผมบริเวณนี้ว่า Sweet Spot ก็ได้เช่นกัน

2 Safe Zone อยู่ตรงไหน

คำถามต่อมาก็คือ แล้วบริเวณไหนล่ะ ที่เรียกว่าเป็น Safe Zone ของเส้นผม ถ้าเราลองสังเกตศีรษะของผู้ชายที่มีอาการผมล้าน จะพบว่า ผมบริเวณด้านหน้าไปจนถึงด้านหลังนั้นจะหลุดร่วงหายไปก่อน  แต่จะยังคงเหลือผมอยู่ช่วงหนึ่งที่แข็งแรงไม่หลุดร่วงตามไปด้วย นั่นก็คือผมบริเวณท้ายทอยไปถึงหลังใบหูนั่นเอง บริเวณนี้เองที่เรียกว่า Safe Zone ซึ่งจะมีผลต่อการปลูกผมเพื่อแก้ปัญหาผมบาง ผมร่วง ไปจนถึงผมล้านได้ในภายหลัง

3 เรามีพื้นที่ Safe Zone เยอะแค่ไหน

ผมบริเวณ Safe Zone ของคนเราโดยส่วนใหญ่กินพื้นที่จากเหนือหูด้านซ้ายไปยังเหนือหูด้านขวาเป็นความยาวประมาณ 25 – 30 เซนติเมตร หรือราว 10 - 12 นิ้ว และมีความสูงประมาณ 7 เซนติเมตร หรือราว 3 นิ้ว คิดเป็นพื้นที่ประมาณร้อยละ 25 หรือ 1 ใน 4 ของหนังศีรษะทั้งหมด 

ดังนั้น หากลองคำนวณจำนวนกราฟต์ผมบริเวณ Safe Zone จากกราฟต์ผมทั้งศีรษะประมาณ 50,000 กราฟต์ ก็จะได้เป็นตัวเลขกราฟต์ผมเฉพาะบริเวณ Safe Zone อยู่ที่ราว ๆ 12,500 กราฟต์นั่นเอง

4 ทำไมผมบริเวณ Safe Zone จึงแข็งแรงที่สุด

แน่นอนว่ามีคำอธิบายทางวิทยาศาสตร์ซ่อนอยู่เบื้องหลังความมหัศจรรย์ของเส้นผมบริเวณนี้ แต่ก่อนที่จะตั้งคำถามว่า ทำไมผมบริเวณนี้ถึงไม่หลุดร่วงล่ะ ...ลองมาหาคำตอบกันก่อนว่า แล้วทำไมผมบริเวณอื่นจึงได้หลุดร่วง...

หนึ่งในสาเหตุสำคัญที่ทำให้เส้นผมหลุดร่วง ก็คือฮอร์โมนที่ชื่อว่า ไดไฮโดรเทสโทสเตอโรน (dihydrotestosterone) หรือ DHT เจ้าฮอร์โมนตัวนี้จะส่งผลทำให้รูขุมขนบริเวณหนังศีรษะมีขนาดเล็กลง จนเส้นผมที่เกิดขึ้นใหม่มีรากผมอ่อนแอ รวมถึงผมสั้นและบางลง ทำให้หลุดร่วงไวกว่ากำหนด เป็นสาเหตุของอาการผมร่วง ผมบาง และภาวะผมล้านในที่สุด 

แต่ก็ต้องขอบคุณร่างกายของเราที่ออกแบบให้รากผมบริเวณ Safe Zone ไม่ตอบสนองต่อฮอร์โมน DHT ฮอร์โมนชนิดนี้จึงไม่สามารถเข้าไปทำลายรากผม จนทำให้เส้นผมอ่อนแอลงได้ หรืออย่างน้อยก็เข้าไปได้ช้ากว่าบริเวณอื่น

อย่างไรก็ตาม ข่าวร้ายก็คือ ไม่ใช่ทุกคนที่จะมีบริเวณ Safe Zone ของเส้นผมให้อุ่นใจ บางส่วนของผู้มีปัญหาเส้นผม อาจเจอกับอาการผมร่วงในลักษณะร่วงกระจายทั่วทั้งศีรษะ จนถึงขั้นรุนแรงที่สุดคือเหลือผมบริเวณ Safe Zone อยู่น้อยมาก หรือไม่เหลืออยู่เลย ซึ่งในกรณีนี้ การปลูกผมถาวรอาจไม่ใช่ทางออก ทั้งนี้ หากครอบครัวของเราเป็นโรคผมบางทางพันธุกรรม อาจจะลองสังเกตผู้ใหญ่ในบ้านว่ามีลักษณะของอาการผมร่วงหรือผมบางอย่างไร รุนแรงแค่ไหน เพราะนั่นหมายถึงความเป็นไปได้ที่เราจะมีอาการผมร่วงและผมบางในระดับนั้น ๆ ในอนาคตเช่นกัน 

5 เส้นผมบริเวณ Safe Zone มีประโยชน์อย่างไร

ด้วยคุณสมบัติยืนหนึ่งในเรื่องความแข็งแรงทนทานต่อการถูกทำลายจากฮอร์โมน DHT เป็นพิเศษ ดังนั้น เส้นผมบริเวณ Safe Zone จึงเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับการนำไปปลูกผมแบบถาวรในบริเวณที่มีปัญหาผมร่วงหรือผมบาง 

แนวทางการรักษาด้วยเทคนิคปลูกผมถาวรแบบย้ายรากผมนี้ เริ่มขึ้นเมื่อประมาณ 30 ปีที่ผ่านมา โดยช่วงแรก แพทย์จะใช้วิธีผ่าตัดหนังศีรษะจากบริเวณ Safe Zone ซึ่งมีเส้นผมแข็งแรงสมบูรณ์เพื่อย้ายมาปลูกใหม่ หรือที่เรียกว่า เทคนิคแบบ FUT แม้ว่าวิธีนี้จะสามารถเก็บกราฟต์ผมจากบริเวณ Safe Zone ได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่ก็ยังมีข้อเสียของการทิ้งรอยแผลเป็นจากการผ่าตัด ทำให้ผู้เข้ารับการปลูกผมต้องคอยไว้ผมที่ค่อนข้างยาวเพื่อปกปิดรอยแผลเป็นนั้น

ต่อมา เทคนิคการปลูกผมดังกล่าวได้รับการพัฒนาขึ้นจนกลายเป็นแบบ FUE ซึ่งแทนที่จะผ่าตัด แพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะใช้อุปกรณ์ขนาดเล็กเพียงไม่ถึง 1 มิลลิเมตร ค่อย ๆ เจาะนำกราฟต์ผมออกมาจากบริเวณ Safe Zone แทน ทำให้เกิดแผลขนาดเล็กมาก และสามารถนำกราฟต์ผมนั้น ไปปลูกต่อยังบริเวณที่มีปัญหาได้ ผู้เข้ารับการปลูกผมจึงไม่ต้องกังวลใจเรื่องแผลเป็นจากการผ่าตัด ทั้งยังลดอาการเจ็บ และสามารถฟื้นตัวได้เร็วหรือแทบไม่ต้องพักฟื้นเลย

6 ปลูกผมใหม่ ...ปัจจัยที่จะชี้ว่ารอดหรือร่วง...

แม้ว่าผมบริเวณ Safe Zone จะเป็นผมที่แข็งแรงทนทาน และเหมาะกับการย้ายไปปลูกใหม่มากที่สุด แต่ผลลัพธ์ความสำเร็จของการปลูกผม ก็ยังขึ้นอยู่กับปัจจัยอีกหลาย ๆ อย่าง เช่น

  • ลักษณะของเส้นผม ทั้งความหนา ความยาว โครงสร้าง ผิวสัมผัส ลอนผม สีผม ตลอดจนทิศทางการเรียงตัวของเส้นผม ซึ่งเป็นตัวบ่งบอกถึงคุณภาพเส้นผมโดยรวม

  • การประเมินพื้นที่ปลูกผม รวมถึงการบริหารจัดการในการเจาะกราฟต์ผมออกจาก Safe Zone เพื่อไม่ให้บริเวณดังกล่าวเหลือเส้นผมอยู่น้อยจนดูบางเกินไป

  • การเลือกเจาะกราฟต์ผมจากบริเวณ Safe Zone ที่ถูกต้อง เพราะกราฟต์ผมจากบริเวณใกล้เคียงที่ไม่ใช่ Safe Zone จริง ๆ จะมีความอ่อนแอกว่า และมีความเสี่ยงที่จะหลุดร่วง ทำให้ไม่สามารถคงผลลัพธ์ในระยะยาวได้

  • ความลึกที่เหมาะสมในการนำกราฟต์ผมปลูกลงใหม่ในบริเวณที่เป็นปัญหา ซึ่งจะส่งผลต่อการนำอาหารมาหล่อเลี้ยงรากผมใหม่

  • ความหนาแน่นที่เหมาะสมของกราฟต์ผมปลูกใหม่ ไม่จำเป็นต้องปลูกให้ได้มากที่สุดหรือหนาแน่นที่สุด เพราะการปลูกผมที่ดีไม่ควรให้กราฟต์เรียงตัวชิดจนหนาแน่นเกินไป 

  • ขณะเดียวกัน วัยของผู้เข้ารับการปลูกผม ก็เป็นปัจจัยสำคัญอีกข้อหนึ่งด้วย ผมบริเวณ Safe Zone ในวันที่เราอายุ 25 ปี เปรียบเทียบกับในวันที่เราอายุ 50 ปี ย่อมจะมีขนาดเล็กลง หรืออ่อนแอลงไปตามธรรมชาติ ส่งผลต่อประสิทธิภาพในการปลูกผมใหม่เช่นกัน

7 แล้วผมปลูกใหม่จะอยู่ได้นานแค่ไหน

น่าดีใจที่คุณสมบัติในการต้านทานฮอร์โมน DHT ยังคงติดมากับกราฟต์ผมซึ่งย้ายมาจากบริเวณ Safe Zone ด้วย แม้ว่าจะนำมาปลูกลงในพื้นที่ใหม่แล้วก็ตาม นั่นทำให้เส้นผมจากกราฟต์ผมเหล่านั้นสามารถหลุดร่วงและงอกใหม่ตามวงจรธรรมชาติของเส้นผมไปได้ตลอดชีวิตของเราเลยทีเดียว

8 สามารถปลูกผมใหม่ได้กี่ครั้ง

ถ้าผมบริเวณ Safe Zone ของเรามีความหนาแน่นเพียงพอ เราสามารถเข้ารับการปลูกผมมากกว่า 1 ครั้งได้ และนี่เป็นเหตุผลหนึ่งที่แพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะเลือกนำกราฟต์ผมจากบริเวณ Safe Zone ออกไปใช้แต่พอดีเท่าที่จำเป็น เพราะใครจะรู้ว่า ในอนาคตเมื่ออายุมากขึ้น เราอาจต้องการความช่วยเหลือจากเส้นผมบริเวณ Safe Zone อีกครั้งหรือหลายครั้งก็เป็นได้

9 นำผมจากบริเวณอื่นมาใช้ในการปลูกผมได้หรือไม่

หากเราต้องการผลลัพธ์การปลูกผมที่จะอยู่คงทนไปตลอดชีวิตของเรา คำตอบก็คือ ผมส่วนอื่นนอกจากบริเวณ Safe Zone ไม่สามารถนำมาปลูกได้ เพราะมีความเสี่ยงในการหลุดร่วงสูง

อย่างไรก็ตาม นอกจากเส้นผมแล้ว ทราบหรือไม่ว่า ขนบริเวณต่าง ๆ ของร่างกาย อย่างเช่น เครา หน้าอก ท้อง หรือแม้กระทั่งแขนและขา ก็มีโอกาสที่จะนำมาปลูกใหม่บนหนังศีรษะของผู้ชายได้ด้วย ขึ้นอยู่กับการพิจารณาความเหมาะสมโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ

10 ผู้หญิงมี Safe Zone เหมือนกันหรือไม่

ผู้หญิงก็มี Safe Zone เช่นกัน แต่มีปริมาณพื้นที่น้อยกว่า ในขณะที่ Safe Zone ของผู้ชายครอบคลุมทั้งท้ายทอยและเหนือหูทั้งสองข้าง ผู้หญิงจะมีพื้นที่ Safe Zone จำกัดกว่า โดยมีแค่เพียงบริเวณท้ายทอยเท่านั้น ทำให้มีปริมาณกราฟต์ผมที่แข็งแรงน้อยลงตามไปด้วย ขณะเดียวกัน ปัญหาผมร่วงและผมบางของผู้หญิงก็มีลักษณะต่างจากผู้ชาย แต่ถึงอย่างนั้น ผู้หญิงก็สามารถเข้ารับการปลูกผมถาวรได้เหมือนกัน โดยสามารถขอรับคำปรึกษาจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเส้นผมได้โดยไม่ต้องรอให้อายุมากขึ้นเสียก่อน เพราะเมื่อถึงเวลานั้น เส้นผมอาจรอเราไม่ไหวและหลุดร่วงไปก่อนตามกาลเวลาก็เป็นได้ 

และนี่ก็คือ 10 เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับ Safe Zone ที่จะช่วยให้เราสามารถตัดสินใจเข้ารับการปลูกผม และดูแลรักษาเส้นผมปลูกใหม่ให้คงอยู่ไปได้อีกนานแสนนาน ด้วยความเข้าใจในธรรมชาติของเส้นผมอย่างแท้จริง